ส่วนที่ชมก็คือว่า ปกติแล้วหลวงพี่น้ำฝนของกระผม/อาตมภาพนั้นท่านเป็นคนใจร้อน พร้อมบวก ตามประสาพระเกจิอาจารย์สายฤทธิ์ แต่ว่างานนี้ท่านใจเย็นมาก พยายามที่จะเจรจา และทำให้กระผม/อาตมภาพเห็นว่า สิ่งที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้บัญญัติพระวินัยขึ้นมา แล้วมีอานิสงส์ ๑๐ ประการนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งจริง ๆ
เพราะว่าอานิสงส์ข้อที่ ๑ ก็คือ "ทุมมังกูนัง ปุคคะลานัง นิคคะหายะ" แปลเป็นไทยว่า "เพื่อกดข่มบุคคลผู้เก้อยาก" ก็คือพวกหน้าด้านหน้าทน เถียงข้าง ๆ คู ๆ ไปเรื่อย ไม่มีความรู้อะไรที่จะมาเถียงก็เที่ยวกล่าวหาคนอื่น โดยอาศัยเสียงดังกลบเกลื่อนไปอย่างเดียว และข้อที่ ๒ "เปสะลานัง ภิกขูนัง ผาสุวิหารายะ" ก็คือ "เพื่อความอยู่สุขของบุคคลผู้มีศีลอันเป็นที่รัก"
ตรงจุดนี้อยากจะให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นวินัยในทางธรรม หรือว่ากฎหมายในทางโลกนั้น สามารถที่จะห้ามได้เฉพาะบุคคลที่ละอายชั่วกลัวบาป และรู้สำนึกในสถานภาพของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่บุคคลที่ไม่คำนึงถึงสถานภาพของตนเอง ไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น กูต้องการจะแสดงออก กูต้องการจะหาแสง กูก็ทำไป โดยที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองภาพพจน์ของตนเองและพระสงฆ์ไทยว่าเลวร้ายขนาดไหน..
บุคคลประเภทนี้นั้นจะว่าไปแล้ว ถ้าหากว่าเรามีกฎหมายใหม่ออกมา ในลักษณะที่ว่าบุคคลใดไปสร้างความวุ่นวายแล้วทำให้คณะสงฆ์เสียหาย สามารถที่จะมอบหมายให้ทางตำรวจนำตัวไปสึกหาลาเพศเลย แล้วถ้าจะให้ดีก็คือสักหน้าไปเลย..! แบบโบราณที่ทำกับพระซึ่งต้องอาบัติปาราชิก
การสักหน้านั้นก็คือทำให้พระอุปัชฌาย์อาจารย์ที่ท่านไม่มีความสามารถพิเศษ สามารถที่จะรู้ว่าบุคคลนี้เคยก่อเวรก่อกรรมกับทางคณะสงฆ์มาแล้ว เมื่อสร้างวีรเวรวีรกรรมมามาก ถ้าบวชให้ใหม่ก็คงจะสร้างความเดือดร้อนให้แบบนี้อีก แล้วก็สักหน้าไปเลย ทำให้พระอุปัชฌาย์ที่จะบวชให้ใหม่เห็น ก็จะได้รู้เอาไว้ ว่าบุคคลประเภทนี้ไม่บังควรที่จะบวชให้ เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2024 เมื่อ 02:25
|