อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า แม้ว่าตัวน้องเล็กจะปฏิบัติธรรมมาอยู่ในระดับที่ใช้ได้แล้วก็ตาม เจอแรงเสียดทานมาเกือบ ๑ อาทิตย์ บ่นว่าอยากกลับวัดใจจะขาด ท่านทั้งหลายบางส่วนอาจจะเคยได้ยินกระผม/อาตมภาพเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่บวชไป ๘ เดือนแล้วกลับบ้าน อยู่ได้แค่ไม่ถึง ๑๕ นาที ต้องหนีไปจำวัดอยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ วิ. (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ที่วัดเทพศิรินทราวาส เพราะรู้สึกอย่างชัดเจนว่าบ้านไม่ใช่สถานที่สำหรับเราแล้ว..!
พวกท่านทั้งหลายที่ยังตะเกียกตะกายเพื่อที่จะกลับบ้านให้ได้จะไม่เข้าใจตรงนี้ เนื่องเพราะว่าจิตใจที่ยึดเกาะอยู่กับบ้านของกระผม/อาตมภาพ แทบจะไม่เหลือเยื่อใยอะไรแล้ว ของน้องเล็กก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน
ดังนั้น..เวลาที่ต้องไปคลุกคลีตีโมงอยู่กับญาติพี่น้องทางบ้านก็จะเกิดอาการที่ต้องทน ซึ่งกระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "ร้อน" ในเมื่ออยู่กับเขาร้อนจนทนไม่ได้ ก็ต้องยอมขับรถฝ่ารถติดไกล ๆ เป็นชั่วโมง ๆ หลังเลิกงานแล้วก็หนีกลับไปนอนที่วัดอุทยาน รุ่งขึ้นค่อยไปร่วมงานใหม่
อยากจะให้ทุกท่านโดยเฉพาะพระภิกษุและแม่ชีพิจารณาตรงนี้เอาไว้ว่า ถ้าการปฏิบัติธรรมของท่านทั้งหลายยังมาไม่ถึงตรงนี้ โอกาสที่จะเอาตัวรอดจะมีน้อยมาก เพราะว่าใจของเรายังยึด ยังเกาะอยู่กับสถานภาพเดิม ๆ อยู่กับสิ่งเดิม ๆ ไม่คิดที่จะสละออก ในเมื่อไม่มีการสละออก จิตที่จะดิ้นรนเพื่อความก้าวหน้าในทางธรรมก็จะมีน้อย
บางคนก็พลอยไปยินดียินร้ายกับเรื่องต่าง ๆ ที่ญาติพี่น้องเอามากรอกหู ท้ายที่สุดกลายเป็น "ผ้าเหลืองร้อน" อยู่ไม่ได้ แล้วก็ต้องสึกหาลาเพศไป ต้องบอกว่าเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก ที่หนีห่างออกมาได้ขนาดนี้แล้ว ก็ยังตะเกียกตะกายกลับไปอีก..! แต่เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเราทำไม่ถึง ไม่มีประสบการณ์ด้วยตนเอง ก็ยังไม่รู้ว่าจะบริหารจัดการตัวเองอย่างไร เพราะว่าใจยังไปยึดไปเกาะอยู่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2024 เมื่อ 03:00
|