เราท่านทั้งหลายต้องทราบว่าพระพุทธศาสนาของเรานั้นต้องประกอบไปด้วย
๑) พระศาสดา คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ให้กำเนิดพระพุทธศาสนา
๒) ศาสนธรรม คือ คำสอนของพระองค์ท่าน ได้แก่ พระไตรปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
๓) ศาสนบุคคล คือ พระภิกษุสามเณร ผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา เมื่อศึกษาเล่าเรียนจนแตกฉานแล้ว ก็นำเอาศาสนาธรรมนั้นไปเผยแผ่ต่อบุคคลทั่วไป เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่คนหมู่มาก
๔) ศาสนวัตถุ คือ สิ่งก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ วิหาร เจดีย์ มณฑป ตลอดจนกระทั่งพระพุทธรูป
ถ้าขาดสิ่งทั้งหลายเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งไป ก็ไม่สามารถที่จะเป็นศาสนาได้ เป็นได้แค่ลัทธิเท่านั้น อย่างเช่นลัทธิคอมมิวนิสต์ ผู้ที่เผยแพร่แรกเริ่มก็คือคาร์ล มาคส์ สิ่งที่เป็นคำสอนก็คือแนวคิดที่ว่าประชาชนทุกคนต้องเสมอกัน ศาสนบุคคลของเขาก็คือบรรดาผู้นับถือลัทธิคอมมิวนิสต์ทั้งปวง แต่ไม่มีศาสนสถาน ดังนั้น..คอมมิวนิสต์จึงเป็นได้แค่ลัทธิ เป็นศาสนาไม่ได้
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นการสร้างศาสนวัตถุนั้น มีทั้งวัตถุประสงค์ในการกระทำให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย อย่างเช่นอุโบสถ ใช้ในการทำสังฆกรรมต่าง ๆ อย่างเช่นการบวชพระ หรือการทบทวนพระปาฏิโมกข์เป็นต้น เป็นสิ่งที่ต้องมี เพื่อที่จะได้เป็นที่ทำสังฆกรรม
ในสมัยก่อนป่ายังมีมาก ก็สมมติเอาสถานที่ใดสถานที่หนึ่งขึ้นมา โดยกำหนดทิศทั้ง ๘ ตามสิ่งสำคัญที่มองเห็นชัด เมื่อคณะสงฆ์รับรองแล้วก็ถือว่าเป็นอุโบสถ ทำสังฆกรรมได้ แต่ว่าระยะหลัง โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ไม่มีป่าแบบนั้นให้อีกแล้ว ป่าที่เหลือถ้าไม่ใช่ป่าสงวน ก็เป็นอุทยานแห่งชาติ ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติก็เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พระภิกษุสามเณรไม่สามารถที่จะทำตามแบบโบราณได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2024 เมื่อ 03:19
|