และในช่วงที่สงครามโลกเกิดขึ้น เรามีในหลวงรัชกาลที่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ ซึ่งศึกษาเล่าเรียนแบบตะวันตก แต่ว่ายึดมั่นในความเป็นไทย ในความเป็นตะวันออก นำประเทศชาติของเราหลุดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ พวกเราจะเห็นว่ารอบบ้านของเรา ไม่มีประเทศไหนที่ไม่โดนฝรั่งเศสหรือว่าอังกฤษยึดครอง แต่ประเทศไทยของเรารอดพ้นมาได้ด้วยพระราชกุศโลบาย ในการผูกสัมพันธ์กับนานาอารยประเทศจนเขาเกรงใจ ประเทศที่ตกต่ำหลังสงครามจึงได้รับการยอมรับจากทางยุโรปและอเมริกา ยอมปล่อยเงินให้กู้ ทำให้เราค่อย ๆ พลิกฟื้นเศรษฐกิจขึ้นมาได้
แต่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็มองเห็นว่า ถ้าปล่อยให้เรื่องของอุตสาหกรรมนำประเทศชาติ มีแต่จะล่มจม เนื่องเพราะว่าเติบโตรวดเร็วเท่าไร ก็ล้างผลาญทรัพยากรมากเท่านั้น ท้ายที่สุดก็ทรงมอบ "ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง" ออกมา ที่ปัจจุบันนี้ทั่วโลกล้วนแล้วแต่เคารพเลื่อมใส ว่าพระองค์ท่านคิดออกมาได้อย่างไร ? แต่คนไทยไม่ค่อยทำกัน
ดังนั้น..การที่สถาบันพระมหากษัตริย์ยืนหยัดมา ผ่านร้อนผ่านหนาวทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบัน ย่อมมีคุณค่าและความสำคัญอยู่ในตัวอยู่แล้ว ประชาชนคนไทยที่มีจิตสำนึกในการรักสถาบัน จึงไม่ยอมให้อะไรมากระทบกระทั่ง ไม่ใช่ไปลดความสำคัญลงมาให้เท่ากับคนทั่วไป เพราะว่าองค์ประมุขของประเทศก็ดี ผู้นำของประเทศก็ตาม ไม่ว่าประเทศไหนก็มีกฎหมายคุ้มครองเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเท่านั้น
"ถ้าไม่ใช่มันเรียนจนโง่ ก็แปลว่ามันตั้งใจแกล้งโง่..!" จึงเป็นเรื่องที่เราท่านต้องตระหนักว่าในเรื่องของสถาบันหลัก ไม่ว่าจะเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้น ยังจำเป็นที่จะต้องยืนหยัดคู่กับสังคมไทยไปชั่วกาลนาน
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าปัจจุบันประเทศชาติของเรา ไม่ว่าจะขยับทำอะไรขึ้นมาก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด คนอื่นเขาอิจฉาที่บ้านเราเมืองเราสุขสงบมากกว่า พยายามที่จะมาก่อกวน แล้วก็มี "ไอ้พวกโง่แล้วอวดฉลาด" ไปช่วยเขาก่อกวนให้บ้านเมืองของตนเองเละเทะวุ่นวาย ถ้าเป็นไปในลักษณะอย่างนี้ก็ต้องบอกว่า "เหนื่อยกันอีกนาน..!"
แต่ก็ถือเป็นภาระ ถือเป็นหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ ทหาร ข้าราชการ มีหน้าที่ในการค้ำจุนสถาบันชาติและกษัตริย์พร้อมกับประชาชน พระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาส มีหน้าที่ในการค้ำจุนพระพุทธศาสนาพร้อมกับประชาชน ถ้าทุกคนตระหนักในหน้าที่ของตนเองอย่างแท้จริง บ้านเราเมืองเราก็จะไม่วุ่นวายเดือดร้อนมากมายในสถานการณ์โลกปัจจุบันนี้ แต่ถ้าหากว่ายังคงเป็นอยู่ในลักษณะกลัวว่าบ้านเมืองจะไม่วุ่นวาย ลักษณะเช่นนั้นก็ต้องบอกว่าเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศและพวกเราเอง..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-10-2024 เมื่อ 02:43
|