ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 21-10-2024, 00:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,544 ครั้ง ใน 36,246 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่า พิธีกรรมในการทอดกฐินนั้น เป็นพิธีกรรมที่ต้องการความสามัคคีอย่างยิ่งในหมู่สงฆ์ ก็คือให้พระภิกษุทั้งวัด ร่วมกันตัด กะ เย็บ ย้อม ผ้าผืนใดผืนหนึ่งเพื่อทำเป็นผ้ากฐิน ไม่เช่นนั้นแล้วในช่วงที่ก่อนจะมีฤดูกฐิน หรือว่ากาลแห่งกฐินนั้น ต่างรูปต่างก็เสาะหาผ้าจีวรสำหรับตนเอง ถ้าหากว่าภายใน ๑ เดือนหลังออกพรรษาแล้ว ไม่สามารถที่จะเสาะหามาได้ครบถ้วน ก็เป็นอันว่าสูญเปล่า เพราะว่าเลยกาลจีวร หรือกาละแห่งจีวรไปแล้ว

ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้รับกฐินได้ อานิสงส์นี้ก็ขยายจากกลางเดือน ๑๒ ออกไปถึงกลางเดือน ๔ ก็คือขยายเพิ่มอีก ๔ เดือน แต่เพื่อความแน่นอน พระองค์ทรงให้พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ร่วมกันทั้งหมดนั้น ช่วยกันตัด ช่วยกันเย็บ ช่วยกันย้อม ประกอบเป็นจีวรผืนใดผืนหนึ่งขึ้นมา แล้วพิจารณาว่าสมควรแก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่จำพรรษาถ้วนไตรมาสในวัดนั้น ว่าจะเป็นผู้รับซึ่งผ้ากฐินในปีนี้ แล้วก็ประกาศขึ้นในท่ามกลางสงฆ์

เมื่อมีการสาธุการ คือเห็นสมควรว่าดีแล้ว ผ้านี้สมควรแก่ท่านรูปนั้นจริง ๆ ก็เป็นอันว่าท่านรูปนั้นก็นำผ้าไป แล้วก็ประกอบซึ่งธรรม ๘ ประการ มีบุพกิจเป็นต้น จนกระทั่งครองผ้ากฐินแล้ว ก็ประกาศให้พระสงฆ์ทั้งปวงอนุโมทนา ซึ่งท่านทั้งหลายก็ได้กล่าวอนุโมทนาผ้าที่พระมหาสุบรรณลักษณ์ได้ครองไปแล้วว่า "อัตถะตัง ภันเต สังฆัสสะ กะฐินัง ธัมมิโก กะฐินัตถาโร อะนุโมทามะ" ซึ่งถ้าหากว่าท่านเป็นผู้ที่กล่าวเพียงรูปเดียว ก็ให้กล่าวว่า"อนุโมทาถะ" แต่เนื่องจากว่าเรากล่าวพร้อมกันทั้งวัด ยกเว้นพระอาจารย์เตชะ ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด ท่านก็จะกล่าวอนุโมทนาเป็น "อัตถะตัง อาวุโส" อยู่รูปเดียว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ความสามัคคีพร้อมเพรียง ซึ่งยังความงดงามให้ปรากฏขึ้นในหมู่สงฆ์ ก็จะเกิดขึ้น สมดังองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้มีวัตถุประสงค์ในการกำหนดซึ่งพิธีการในการกรานกฐินเอาไว้ แต่ว่าพระภิกษุรูปนั้น แสดงว่าขาดการศึกษาเป็นอย่างมาก ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านเป็นพระที่เพิ่งบวชใหม่ในพรรษานั้น หรือว่าบวชเก่าแต่ขาดการศึกษาให้ถ่องแท้ จึงได้คัดค้านในสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพิธีกรานกฐินในวันนั้นเลย

แล้วเป็นการสร้างรอยด่างให้เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ภาค ๑๔ โดยเฉพาะคณะสงฆ์วัดนั้น กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่า ถ้าเจ้าอาวาสปรึกษาหารือกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นแล้ว ท่านถ้าไม่สึกหาลาเพศไปเสียก่อน ก็อาจจะไม่มีแผ่นดินจะอยู่..! เพราะว่า
อยู่แล้วก็ไปทำให้วัดเขาเสียหาย โดยที่ปราศจากความรู้ในกิจของสงฆ์เลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2024 เมื่อ 01:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา