อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ องค์คุณของภิกษุผู้ควรรับผ้ากฐิน ก็คือ
๑) ต้องรู้จักบุพกิจ
๒) ต้องรู้จักการถอนผ้าไตรจีวรเก่า
๓) ต้องรู้จักในการอธิษฐานผ้าไตรจีวรใหม่
๔) ต้องรู้จักวิธีการกรานกฐิน
๕) ต้องรู้จักมาติกา คือ หัวข้อแห่งการเดาะของกฐิน
๖) ต้องรู้จักปลิโพธะ หรือปลิโพธว่า เหตุกังวลอันเป็นเหตุให้ยังไม่เดาะกฐินมีอะไรบ้าง อย่างเช่นว่า จิตยังยึดคำนึงถึงอาวาสอยู่ หรือว่า จิตยังนึกยึดคำนึงถึงผ้าไตรจีวรนั้นอยู่ เป็นต้น
๗) รู้จักการเดาะของกฐิน
และ ๘) รู้ถึงอานิสงส์ของกฐินทั้งปวง ซึ่งองค์คุณทั้งหลายเหล่านี้กำหนดเอาไว้ชัดเจนว่า บุคคลผู้ที่รู้จักกฐินัตถารกิจ มีสติปัญญาสามารถ รู้ธรรม ๘ ประการ มีบุพกิจ เป็นต้น
คราวนี้เมื่ออธิบายส่วนนี้ชัดเจนแล้ว ปรากฏว่าพระภิกษุผู้ค้านการกรานกฐินเมื่อวานนี้ ของวัดแห่งหนึ่งในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งประกอบไปด้วยจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี จะเป็นจังหวัดใดอย่าไปรู้เลย ท่านคัดค้านขึ้นมาว่า "ไม่เห็นสมควรขอรับ" ทำเอาในหมู่คณะสงฆ์ถึงกับอึ้งไปหลายวินาที แล้วท่านก็กล่าวว่า "เนื่องจากว่าวัดนี้ไม่มีคณะกรรมการในการตรวจสอบเงินที่ได้จากการทอดกฐิน และในช่วงระหว่างพรรษา มีการขับไล่พระภิกษุออกไป ๒ - ๓ รูป จึงเห็นเป็นการไม่สมควรที่ท่านผู้นี้จะเป็นผู้รับกฐิน..!"
กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็คิดว่า "ถ้าผู้คัดค้านอยู่วัดท่าขนุน กระผม/อาตมภาพก็จะไล่ออกต่อจาก ๒ หรือ ๓ รูปที่โดนไล่ออกในระหว่างพรรษานั่นแหละ..!" เนื่องเพราะว่าผู้อปโลกน์ประกาศอย่างชัดเจนว่า "ผ้ากฐินทานและผ้าอานิสังสบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ฯลฯ" ก็คือเรื่องของผ้ากฐินทานนั้นเป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่งก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นสบง จีวร หรือว่าสังฆาฏิ ในเมื่อกำหนดผืนหนึ่งเป็นผ้ากฐินแล้ว ส่วนที่เหลือก็คือผ้าอานิสังสบริวาร ก็คือผ้าที่ร่วมถวายเป็นกฐินในครั้งนั้น
ปรากฏว่าสิ่งที่ท่านคัดค้านมานั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย กับผ้ากฐินทานและผ้าอานิสังสบริวาร ว่าสมควรแก่ท่านผู้นั้นหรือไม่ ? ท่านผู้นั้นเป็นผู้รู้กฐินัตถารกิจหรือไม่ ? เป็นผู้รู้ธรรมทั้ง ๘ ประการในการที่จะกรานกฐินหรือไม่ ? ไม่ได้มีการคัดค้านในตรงส่วนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ไปค้านว่าไม่มีคณะกรรมการตรวจสอบยอดเงินกฐิน มีพระภิกษุโดนขับไล่ออกจากวัดในระหว่างพรรษา ๒ หรือ ๓ รูป ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพิธีกรรมในการกรานกฐินครั้งนั้นเลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2024 เมื่อ 01:24
|