ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 19-10-2024, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,640
ได้ให้อนุโมทนา: 158,544
ได้รับอนุโมทนา 4,488,572 ครั้ง ใน 36,249 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ญาติโยมหลายต่อหลายท่านก็ทำบุญแบบน่ากลัว เห็นคุณจอย อารมณ์ดีพระเครื่อง มาที ๕ มัด ต่อให้เป็นแบงค์ ๑๐๐ ก็เถอะ ทำบุญทีขนาดนั้น กลับบ้านไปทะเลาะกับผัวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?

หรือไม่ก็คณะญาติโยมที่มาจากประเทศลาว ซึ่งปีหน้ากระผม/อาตมภาพต้องไปเป็นประธานในการเปิดวิหารและหล่อพระให้เขา เขาทำพระเหมือนกับวัดท่าขนุน ๓ องค์เหมือนกัน ลอกแบบไปเป๊ะ ๆ เลย แต่หล่อเป็นเนื้อเงิน องค์ละ ๑๕๐ กิโลกรัม อย่าคิดว่าราคาถูกนะ ตอนกระผม/อาตมภาพทำนี่ องค์เนื้อเงิน ๔ ล้านกว่าบาท แล้วตอนนี้เงินขึ้นไปยันไหนแล้วก็ไม่รู้ ? เพราะว่าทองคำเพิ่งจะทำ "นิวไฮ" ไป ยังดีที่ค่าเงินบาทแข็ง ไม่อย่างนั้นแล้วทองบ้านเราน่าจะทะลุไปบาทละ ๖ - ๗ หมื่นบาทแล้ว

ญาติโยมมาไกล ทำบุญแต่ละทีก็น่าตกใจ ประเภทแบงค์พันหย่อนลงมาทีละมัดอย่างนี้ แม้จะอนุโมทนากับญาติโยมก็จริง แต่ดูแล้วก็ไม่สบายใจ เพราะสมัยก่อนนี่กระผม/อาตมภาพก็ไล่เตลิดเปิดเปิงหมด ไอ้พวกทำบุญเยอะ ๆ บอกว่า "เอากลับไปก่อน ให้ไปนอนคิด ๗ วัน ถ้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานแล้วค่อยมาถวายใหม่"

เรื่องพวกนี้ท่านต้องเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่เสี่ยงมากถ้าท่านต้องการเงิน เพราะว่าพระสารีบุตรขออนุญาตเศรษฐีว่ามีผู้นิมนต์ซ้อนในวันเดียวกัน ขอรับกิจนิมนต์ด้านโน้นก่อน แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยมาบ้านเศรษฐีได้หรือไม่ ? เศรษฐีบอกว่าถ้าพระคุณเจ้ารับประกันให้ผมได้ ๓ เรื่อง ผมจะยอม อันดับแรก ต้องรับประกันว่ากระผมจะต้องไม่ตายก่อนที่จะได้ทำบุญ พระสารีบุตรบอกว่าได้ ระดับนั้นแล้วทิพจักญาณสุดยอด เห็นชัดเจนว่ายังไม่ตายแน่นอน

ข้อที่สอง พระคุณเจ้าจะต้องประกันว่าทรัพย์สินของกระผมจะต้องทรงตัวอยู่จนกระทั่งได้ทำบุญ พระสารีบุตรบอกว่าได้

ข้อที่สาม พระคุณเจ้าต้องประกันว่าศรัทธาของกระผมยังต้องเหมือนเดิม พระสารีบุตรบอกว่าข้อนี้ประกันให้ไม่ได้ เพราะว่าเป็นเรื่องของกำลังใจของใครของมัน ศรัทธาอาจจะลดเมื่อไรก็ได้..!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ฟังเอาไว้แล้วก็คิดตามไปด้วยว่า คนที่ทำบุญมาก ๆ เขาอาจจะร่ำรวยก็จริง เรามี ๑๐๐ บาท ทำ ๒๐ บาท นี่ ๒๐ เปอร์เซ็นต์เลยนะ ส่วนเขามีเป็นพันล้าน ทำบุญมาล้านหนึ่ง ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์ไหม ?

เรื่องของการทำบุญไม่ใช่ทำมาก แต่ให้ทำบ่อย ๆ จนจิตเคยชินกับการสละออก ความตระหนี่ถี่เหนี่ยวลดน้อยลง เราก็สามารถตัดความโลภในจิตในใจ ความตระหนี่ถี่เหนียวในจิตในใจของเราลงไปได้ ไม่ใช่เทมาตูมเข้าให้ แล้วจะช่วยให้เราขึ้นสวรรค์นิพพานอะไรไปเลย ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่าเรื่องของการให้ ให้เท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม ความเต็มของการให้นั้นอยู่ที่ใจ เต็มที่เต็มใจเมื่อไรก็จบ

ไม่ทราบเหมือนกันว่าพูดไปแล้วโยมจะเข้าใจสักแค่ไหน แต่ว่าเลยเวลามามากแล้ว วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2024 เมื่อ 05:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา