เราต้องเข้าใจว่าบุคคลสมัยโบราณฟังคำคนอื่นแล้วคิด คิดหาประโยชน์จากคำนั้น แต่คนปัจจุบันนี้ฟังคำคนอื่นเพื่อเถียง ในเมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสที่เราจะได้ประโยชน์นี่ไม่มีเลย มีแต่สร้างความร้อนหูร้อนใจให้กับตัวเอง พูดง่าย ๆ ว่าข้าวปลาอาหารที่ยกไปต้อนรับ เขาไม่รับก็อยู่กับตัวเรานั่นแหละ แล้วถ้าหากว่ากองมากขึ้น ๆ ก็บูดอยู่ตรงนั้น เน่าอยู่ตรงนั้นให้เราเดือดร้อนเอง..!
จิตใจของเราก็หยาบขึ้นทุกวัน โอกาสที่จะชักจูงเราลงสู่อบายภูมิก็มีสูงมาก เพราะฉะนั้น..ให้ถือหลักเอาไว้ แผ่เมตตาไป ใครแช่งใครชังช่างเถิด ใครชูใครเชิดช่างเขา ใครเบื่อใครบ่นทนเอา ใจเราร่มเย็นเป็นพอ หรือไม่พอ ? ปากคันยิบ ๆ ต้องขอคืนสักหน่อย..!
สิ่งที่เราต้องระมัดระวังที่สุดก็คือกำลังใจของเรา รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นเร็วมาก เกิดขึ้นง่ายมาก เราพยายามฝึกหัดขัดเกลามาเป็นปี ๆ กว่าจะได้มาหน่อยหนึ่ง ตูมเดียวโดนโถมทับเข้ามาอย่างกับคลื่นสึนามิ เราก็มีหน้าที่เก็บกวาดต่อไป คราวนี้ปกติแล้วเราก็น่าจะหลบได้เลี่ยงได้ แต่นี่เราไปดาหน้าเข้าไปหาเอง ก็กลายเป็นว่าเราไปเอาสิ่งสกปรกเข้ามาในใจของเราเอง
ถามว่าเป็นความโง่หรือความฉลาดที่ไปทำอย่างนั้น ? เรื่องพวกนี้เราปฏิบัติธรรมมา ได้ชื่อว่าเราเจริญในศีล ในสมาธิ ในปัญญา เจริญแล้วสติต้องดีขึ้น แต่สติของเราไม่ดีพอ ปัญญาก็ไม่มี ก็เลยไหลตามกระแสโลกไป ต้องบอกว่าเสียแรงที่ทำมาเนิ่นนาน
เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ใครทำใครได้ ทำแทนกันไม่ได้ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสอย่างชัดเจนว่า อักขาตาโร ตถาคตา แม้ตถาคตเองก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น ส่วนทำหรือไม่ทำอยู่ที่เรา ได้หรือไม่ได้อยู่ที่การกระทำของเรา แบบเดียวกับศีล ปาณาติปาตา เวรมณีฯ ขอให้ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ไม่ได้ห้าม แต่ขอให้เว้น..!
เรื่องของหลักธรรมก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับให้เราทำ ถ้าเราเห็นประโยชน์ เราก็เร่งกอบโกยเอาประโยชน์นั้นไปใช้ ถ้าไม่เห็นประโยชน์ จะกองอยู่ตรงนั้น เพชรอย่างไรก็ยังคงเป็นเพชรอยู่นั่นเอง แต่ตัวเราเองสิเป็นอะไร ? มีน้ำใสสะอาดอยู่ตรงหน้า ให้ชำระล้างตนเองให้สะอาดผ่องใสได้ พบหน้าผู้คนได้ เรากลับไม่เอา ไปกอบโกยเอาขี้โคลนมาโปะใส่ตัวเองอยู่ตลอดเวลา ก็ดูแล้วทุเรศทุรังในสายตาคนอื่นเขา
สำหรับงานต่าง ๆ ที่ทุกคนช่วยกันทำ ก็ขอขอบคุณและเจริญพรขอบคุณ ทั้งพระภิกษุ แม่ชี ฆราวาส จนป่านนี้ยังก้มหน้าก้มตาทำกันอยู่เลย กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะแกะทองคำเสร็จเมื่อครู่นี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่าไอ้ค่านิยมถวายทองนี่มาจากไหน ถ้าหากว่าเป็น ๑ สลึง ๕๐ สตางค์ ๑ บาท มีเท่าไรก็พอแกะไหว แต่อันนี้แกะออกมา ๒๐ แผ่นได้ ๑ กรัม คือเหมือนกระดาษ ไม่ได้ว่า เพียงแต่ว่าแกะยากมากเลย กาวเหนียวมาก แกะออกมาแล้วยังต้องมาเช็ดทำความสะอาดอีก แล้วต้องเอามาแปะ ซ้อน ๆ ๆ กันเข้าไป ได้กรัมหนึ่งก็บีบติดกันเอาไว้ เผื่อมีโอกาสก็เอาไปหล่อพระให้เขา เนื่องเพราะว่าวัดของตัวเองโอกาสที่จะหล่อพระทองคำอีกก็คงจะน้อยมาก แต่ถ้ายังอยู่ถึงหล่อพระของตัวเองก็จะจัดการให้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-10-2024 เมื่อ 05:25
|