วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๘ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ วันแรกของกาลกฐิน กาลตัวนี้คือกาละ คือเวลา ไม่ใช่ กราน ที่แปลว่า วางลงไป ทอดลงไป
จากที่พวกเราทำงานกันมาก็จะเห็นว่ามีปัญหาให้แก้ไขอยู่โดยตลอด แต่ปีนี้ดีที่ว่าโรงทานทั้ง ๔๒ โรงหมดเกลี้ยงพอดิบพอดี คราวที่แล้วงานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ญาติโยมเห็นคนเป็นหมื่น ก็เลยตั้งใจขนอาหารมาทำโรงทานกันอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากว่าฝนตกและคนแน่นไปทั้งศาลา ระบายไม่ออก กระผม/อาตมภาพต้องขออนุญาตพระท่านเป่ายันต์รอบพิเศษให้กับทุกคนตอนประมาณ ๘ โมงเช้า เมื่อรับยันต์แล้ว คนจำนวน ๔ - ๕ พันคนก็ไหลกลับบ้านเลย กลายเป็นว่าโรงทานขนอาหารมาแล้วต้องขนกลับบ้านเหมือนกัน เพราะว่าคนกินหายไปเกือบครึ่ง..!
ในช่วงที่เข้ากรรมฐาน ๓ วัน จะว่า ๓ วันก็ไม่ใช่ เพราะ ๓ วันนั้นเท่ากับ ๗๒ ชั่วโมง งวดนี้กระผม/อาตมภาพลองกำลังตัวเองดู ว่าไปสัก ๙๐ ชั่วโมง ยังพอได้อยู่ แต่ว่าวันแรกจริง ๆ ก็คือวันอังคารที่ ๑๕ มีผู้หวังดีส่งสารพัดข้าวของมาให้ ก็ต้องบอกว่าผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก เราก็เลยต้องแผ่เมตตาให้เขาไป มาวันสุดท้ายช่วงประมาณ ๔ ทุ่มครึ่งก็ยังมีมาอีกกระเซ็นกระสาย เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องแปลกที่ว่า เราไม่คิดร้ายกับคนอื่น แต่คนอื่นอยากจะทดสอบว่าความสามารถของเขามีเท่าไร ก็มักจะมาทดสอบกับบุคคลที่มีชื่อเสียง
แต่ว่ามีอยู่รายหนึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์สายใต้ เจอหน้ากันเมื่อไร ท่านจะต้องใส่กระผม/อาตมภาพก่อน ตอนแรกก็ว่า "เรื่องอะไรกันวะ ?" เพิ่งจะมาเข้าใจเมื่อครั้งล่าสุดที่พบกันนี่เอง เพราะว่าของท่านเป็นไสยศาสตร์แท้ มาจากสายเขาอ้อ ในเมื่อไสยศาสตร์แท้เจอพุทธศาสตร์เข้าก็เป็นอันว่าบรรลัย..! กระผม/อาตมภาพเข้าใกล้เมื่อไร ท่านก็หมดพลัง เหมือนกับวิชาเสื่อมทุกครั้ง ท่านก็เลยเห็นว่ากระผม/อาตมภาพเป็นต้นเหตุ ท่านจึงเอาคืน..!
กระผม/อาตมภาพเองก็ตามปกติ เจอเพื่อนพระเกจิอาจารย์ด้วยกันก็เข้าไปกราบทักทายพูดคุยด้วย เข้าใกล้ทีไร ท่านก็เรียบร้อยทุกที ต่อไปต้องระมัดระวังนั่งห่าง ๆ หรือไม่ก็ต้องลดขนาดภาพพระของเราลง เอาไว้อยู่ในอกเท่านั้นพอ เพราะถ้าหากว่าแผ่ออกไปกระทบท่าน เดี๋ยวท่านเดือดร้อนอีก เพราะว่าท่านจะหมดสภาพ เพลียไป ๒ - ๓ วันทุกครั้ง ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้เจตนา แต่สร้างศัตรูได้เหมือนกัน..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-03-2025 เมื่อ 00:01
|