สำหรับมหาภัยของเงื่อนไขตามสนธิสัญญา IMF ในแต่ละฉบับนี้ กล่าวได้ว่าแทบทุกฉบับล้วนส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ และยังมีผลผูกพันต่อสมบัติของชาติและต่อคนไทยทุกคนอีกด้วย ซึ่งกว่าจะรับรู้โดยทั่วกันได้ ก็ล่วงเลยมาหลายต่อหลายปี จนชาติไทยแทบจะสูญสิ้นอธิปไตยและสูญเสียสมบัติของชาติไปมากมายมหาศาล ทั้งยังทำให้มีภาระหนี้สินตามมาอีกจำนวนมาก
ดังนั้น..การเล่านิมิตขององค์หลวงตาที่ถูกจังหวะสอดคล้องกับวันทำสัญญาฉบับที่ ๒ กับ IMF พอดิบพอดีเช่นนี้ จึงเหมือนกับเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า ณ จุดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของกฎหมายมหาภัย ซึ่งจะทำชาติให้ล่มจมได้ และ ณ จุดเดียวกันนี้อีกเช่นกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการกู้ชาติขององค์หลวงตา และยังยืนยันด้วยว่าจะสามารถน่าพาชาติให้พ้นจากภัยได้ ด้วยความรู้จากจิตภาวนาขององค์หลวงตาในครั้งนี้จึงเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ดังนี้
"ได้มาเห็นสภาพการณ์ของเมืองไทยเราอยู่ในขั้นวิกฤตการณ์ ขั้นที่จะเข้าขั้นแห่งความล่มจมได้ ซึ่งเป็นไปด้วยความน่าวิตกวิจารณ์เอามาก ดังที่เราทั้งหลายก็ทราบด้วยกันแล้ว มองไปไหนก็มองไม่เห็นใครจะเป็นผู้นําชาติไทยของเรานี้ให้ขึ้นจากหล่มลึก มองไปที่ไหนก็มีแต่ตีบตันอั้นตู้ ๆ ใครจะเป็นผู้สามารถยกได้ มองไปไหนก็ไม่เห็น ๆ
จึงได้หันหน้าเข้ามาสู่ความเป็นหัวหน้า ก่อนที่จะมาเป็นหัวหน้าของพี่น้องทั้งหลาย ก็ได้คิดทบทวนเต็มกําลังความสามารถแล้วว่า ประเทศไทยของเรานี้จะออกพ้นภัยไปได้ในทางใดแง่มุมใด พิจารณาเต็มความสามารถก็ไม่เห็นทางที่จะออกไปได้ เปิดตรงนั้นก็ปิดตรงนี้ เปิดตรงนี้ก็ปิดตรงนั้น เสียรอบด้านหาทางออกไม่ได้ สุดท้ายก็วกวนเข้ามาหาหลวงตาบัวเอง มาเห็นช่องแคบ ๆ หลวงตาบัวมีช่องแคบ ๆ เท่านี้ มองดูเอาช่องแคบ ๆ เท่านี้แหละ วาสนาน้อย ไม่ได้กว้างขวางอะไร
ช่องนี้คือช่องอะไร ? เห็นช่องแคบ ๆ แต่ช่องนี้เป็นช่องแห่งความปลอดภัยแห่งสมบัติทั้งหลายที่จะไหลเข้ามานี้มีเท่าไร ไหลเข้าสู่คลังหลวงทั้งหมด ไม่มีตกค้างตรงไหนเลย ไอ้ช่องกว้าง ๆ มันลงทะเลหลวง ลงพุงหลวงไปเสียมากต่อมาก จึงได้ประกาศตนออกมาเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายดังที่เห็นอยู่นี้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2024 เมื่อ 02:15
|