"ใครก็ตามจะอยู่ได้เพราะชาติ ถ้าชาติจมไปเสียแล้วไม่มีใครอยู่ได้ สูงขนาดไหนต่ำขนาดไหนจมไปด้วยกัน ถ้าชาติอยู่ไม่ได้แล้วเมืองไทยเราก็อยู่ไม่ได้ เพราะรากแก้วอยู่ที่นี่ ต้นลำอยู่ที่นี่ อยู่ที่ชาตินี่ เพราะฉะนั้น..เราถึงวิตกวิจารณ์มาก มันเกี่ยวกับชาติบ้านเมืองเรา ต้องรีบพิจารณา เวลากำลังเงียบ ๆ อยู่นี้ให้พิจารณา ครั้นเวลามามันมาเงียบนะ ไม่ได้มาแบบกระโตกกระตากอะไรนะ มาแบบเงียบแล้วพูดอะไรไม่ได้ด้วย กลืนพร้อมไปด้วย ไม่ต้องเคี้ยว นี่เขาเรียกสงครามเศรษฐกิจ..สงครามเงียบ
สงครามนี้ไม่ดังนะ กลืนปุ๊บ ๆ เลย วิตกมากอยู่..เราทราบข่าวว่าเขายึดนั่น..เห็นไหมล่ะ ติดหนี้เขาไม่มีเงินให้เขา เขาเข้ายึดธนาคาร ยึดทั่วประเทศเลย นี่แบบกลืนเงียบ กินเงียบ เขาเรียกสงครามเศรษฐกิจ กินแบบนี้ละ"
ผลของวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ นี้ ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประสบภาวะขาดทุนจากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ธนาคารและสถาบันการเงินถูกสั่งปิด หน่วยงานภาครัฐ เอกชนตลอดจนประชาชน ต่างประสบภาวะหนี้สินพะรุงพะรัง แม้แต่โรงพยาบาลต่าง ๆ ก็ถูกตัดงบประมาณจากรัฐ
ข่าวฆ่าตัวตายเกิดขึ้นรายวันเพราะกิจการล้มละลาย ไม่มีเงินใช้หนี้ โรงงานและกิจการห้างร้านทยอยปิดตัวไป ตึกแถวอาคารพาณิชย์มีแต่ความรกร้างว่างเปล่าไม่มีผู้อยู่อาศัย โครงการก่อสร้างถนนหนทางกลายเป็นเศษอิฐเศษปูน ผู้คนต่างพากันตกงาน บัณฑิตจบการศึกษาก็ไม่มีงานทำ ทั่วทุกหัวระแหงจึงมีแต่ภาพแห่งความสลดหดหู่ใจ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ความลำบากยากแค้นดังกล่าวนี้หมุนเข้ามาใกล้ชิดติดพันกับการสงเคราะห์ประจำวันขององค์หลวงตาถึงกับทำให้ท่านต้องกล่าวว่า
"ทางโรงพยาบาลเป็นที่หนึ่ง ที่ไปช่วยเต็มกำลังความสามารถ ปีนี้ยิ่งเป็นปีที่หนักเป็นกรณีพิเศษอีก คือ โรงพยาบาลต่าง ๆ วิ่งมาขอเงินไปใช้หนี้ ว่างบประมาณไม่มี ทางรัฐบาลสั่งมาให้ซื้อของในวงเงินเท่านั้น ๆ แล้วจะส่งเงินมา ทีนี้รัฐบาลไม่ได้ส่งมาให้ เลยติดหนี้เขา วิ่งเข้ามาหาวัด เราช่วยแทบเป็นแทบตาย ช่วยเป็นล้าน ๆ แต่ละโรง ๆ ติดหนี้เขา แล้วจะทำยังไง มีเท่าไรก็ทุ่มกันลง บางทีถึงกับบอกว่าจ่ายไม่หมดนะ ให้จ่ายเป็นงวด ๆ งวดที่สองที่สามมีมาแล้วค่อยจ่ายอีก เราว่าอย่างนั้น คือมันไม่ไหว มันมากจริง ๆ ปีนี้เป็นอย่างนั้น
ทุกปีมีแต่มาขอเครื่องมือ เราก็ช่วยเครื่องมืออะไรต่ออะไร ปีนี้กลับมาขอใช้หนี้แล้ว มันเป็นยังไงรัฐบาลเราจะไม่จมแล้วเหรอ ปกครองบ้านเมืองกันยังไงถึงปล่อยให้บ้านเมืองจม ? แม้แต่โรงพยาบาลซึ่งเป็นหัวใจของชาติจริง ๆ ก็ยังจะล้มไป นี่จะทำยังไงกัน ?"
แม้ในยามปกติปัญหาเล็กกว่า ท่านยังมีเมตตาช่วยเหลือสงเคราะห์อย่างจริงจัง บัดนี้ปัญหาขยายวงกว้างขึ้นเป็นความทุกข์โดยรวมของคนทั้งชาติ จนอาจถึงขั้นสูญสิ้นอธิปไตยของไทยเลยก็ว่าได้ หากไม่ช่วยกันเยียวยาแก้ไขให้ทันการณ์ ประกอบกับความเมตตาสงสารพี่น้องชาวไทยเป็นล้นพ้น ท่านจึงปรารภขึ้นด้วยความห่วงใยว่า
"จำเป็นต้องอาศัยความสามัคคีของพี่น้องไทยทุกคนให้เสียสละช่วยกันอย่างจริงจัง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2024 เมื่อ 06:54
|