เรื่องของการปฏิบัติธรรม มีบางสายสอนให้เน้นหนักในเรื่องวิปัสสนา โดยเฉพาะให้กำหนดรู้เท่าทันอารมณ์ปัจจุบันอย่างเดียว รู้แล้ววาง..รู้แล้ววาง ประมาณว่า "รู้หนอ..รู้หนอ" ซึ่งลักษณะนั้นจะว่าไปแล้ว ไม่ใช่วิปัสสนาญาณที่แท้จริง เป็นแค่การมีสติอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น
เมื่อสติอยู่กับปัจจุบัน รัก โลภ โกรธ หลง เกิดไม่ได้ ก็ไปเข้าใจว่าเป็นกำลังของวิปัสสนา แต่ความจริงถ้าสติเคลื่อนไปแม้แต่นิดเดียว รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะกลับมาอย่างเต็มที่เหมือนเดิม ดังนั้น..การปฏิบัติธรรมสายนี้จึงจะทุกข์ทรมานมาก เพราะว่าจะโดน รัก โลภ โกรธ หลง กระหน่ำตีอยู่ตลอดเวลา โดยที่เรามีหน้าที่แค่ตามดูตามรู้ไปเฉย ๆ
ดังนั้น..การปฏิบัติธรรมถ้าหากว่าจะให้ได้ผล เราจะต้องอาศัยทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานควบคู่กันไป เพราะว่าสมถกรรมฐานจะเพาะให้เรามีกำลังสูง ส่วนวิปัสสนากรรมฐานเหมือนอาวุธที่คมกล้า เราต้องมีกำลังถึงจะยกอาวุธขึ้นมาตัดฟันสิ่งต่าง ๆ ได้ ถ้าเรามีแต่อาวุธ ไม่มีกำลัง ก็ยกไม่ขึ้น มีกำลังไม่มีอาวุธ จะตัดอะไรก็ยากเต็มที
สมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานจึงเหมือนคนที่ผูกขาติดกัน พอเราก้าวข้างใดข้างหนึ่งไปข้างหน้าจนสุดแล้ว ก็ต้องก้าวอีกข้างตามไปถึงจะได้ระยะทาง ไม่เช่นนั้นถ้าหากว่าเราทำอย่างเดียว ถึงเวลาก็จะก้าวต่อไปไม่ได้ เพราะว่าถ้าหากว่าไปสุดเชือกหรือโซ่ที่ล่ามอยู่ ก็จะโดนกระตุกกลับ..!
ถ้าหากว่าเราผลัดกันก้าว ก็คือปฏิบัติสมถภาวนาไปจนกำลังใจทรงตัว ไปต่อไม่ได้แล้ว คำว่า "ไปต่อไม่ได้" ถ้าท่านที่รู้จักสังเกตจะเหมือนกับเราเดินไปชนผนัง เป็นทางตัน ไปต่อไม่ได้ แล้วกำลังใจของเราจะเคลื่อนคล้อยถอยออกมาเอง ตอนช่วงนั้นต้องรีบฉวยโอกาสพิจารณาวิปัสสนากรรมฐานทันที ก็คือพิจารณาให้เห็นชัดเจนว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา
เนื่องเพราะว่าถ้าเราไม่รีบพิจารณา รัก โลภ โกรธ หลง จะฉวยกำลังสมาธินั้นไปใช้งานแทน เราก็จะฟุ้งซ่านไปใน รัก โลภ โกรธ หลง ได้อย่างหนักแน่นมาก ระงับไม่ได้ เพราะกำลังของกิเลสดีกว่า เนื่องจากได้สมาธิไปช่วย เราจึงจำเป็นต้องใช้กำลังสมาธิไปในการพิจารณา
เมื่อรู้สึกว่าการพิจารณานั้นเริ่มเลือนลาง ไม่ชัดเจน แปลว่าสมาธิของเราตกแล้ว เราก็เร่งกลับมาภาวนาในสมถกรรมฐานใหม่ เมื่อไปจนสุด ไปต่อไม่ได้ก็คลายสมาธิมาพิจารณา ทำสลับกันไปสลับกันมา ลักษณะอย่างนี้ถึงจะมีความก้าวหน้า
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2024 เมื่อ 02:02
|