ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 12-10-2024, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,640
ได้ให้อนุโมทนา: 158,544
ได้รับอนุโมทนา 4,488,669 ครั้ง ใน 36,249 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของการปฏิบัติธรรม มีบางสายสอนให้เน้นหนักในเรื่องวิปัสสนา โดยเฉพาะให้กำหนดรู้เท่าทันอารมณ์ปัจจุบันอย่างเดียว รู้แล้ววาง..รู้แล้ววาง ประมาณว่า "รู้หนอ..รู้หนอ" ซึ่งลักษณะนั้นจะว่าไปแล้ว ไม่ใช่วิปัสสนาญาณที่แท้จริง เป็นแค่การมีสติอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น

เมื่อสติอยู่กับปัจจุบัน รัก โลภ โกรธ หลง เกิดไม่ได้ ก็ไปเข้าใจว่าเป็นกำลังของวิปัสสนา แต่ความจริงถ้าสติเคลื่อนไปแม้แต่นิดเดียว รัก โลภ โกรธ หลง ก็จะกลับมาอย่างเต็มที่เหมือนเดิม ดังนั้น..การปฏิบัติธรรมสายนี้จึงจะทุกข์ทรมานมาก เพราะว่าจะโดน รัก โลภ โกรธ หลง กระหน่ำตีอยู่ตลอดเวลา โดยที่เรามีหน้าที่แค่ตามดูตามรู้ไปเฉย ๆ

ดังนั้น..การปฏิบัติธรรมถ้าหากว่าจะให้ได้ผล เราจะต้องอาศัยทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานควบคู่กันไป เพราะว่าสมถกรรมฐานจะเพาะให้เรามีกำลังสูง ส่วนวิปัสสนากรรมฐานเหมือนอาวุธที่คมกล้า เราต้องมีกำลังถึงจะยกอาวุธขึ้นมาตัดฟันสิ่งต่าง ๆ ได้ ถ้าเรามีแต่อาวุธ ไม่มีกำลัง ก็ยกไม่ขึ้น มีกำลังไม่มีอาวุธ จะตัดอะไรก็ยากเต็มที

สมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐานจึงเหมือนคนที่ผูกขาติดกัน พอเราก้าวข้างใดข้างหนึ่งไปข้างหน้าจนสุดแล้ว ก็ต้องก้าวอีกข้างตามไปถึงจะได้ระยะทาง ไม่เช่นนั้นถ้าหากว่าเราทำอย่างเดียว ถึงเวลาก็จะก้าวต่อไปไม่ได้ เพราะว่าถ้าหากว่าไปสุดเชือกหรือโซ่ที่ล่ามอยู่ ก็จะโดนกระตุกกลับ..!

ถ้าหากว่าเราผลัดกันก้าว ก็คือปฏิบัติสมถภาวนาไปจนกำลังใจทรงตัว ไปต่อไม่ได้แล้ว คำว่า "ไปต่อไม่ได้" ถ้าท่านที่รู้จักสังเกตจะเหมือนกับเราเดินไปชนผนัง เป็นทางตัน ไปต่อไม่ได้ แล้วกำลังใจของเราจะเคลื่อนคล้อยถอยออกมาเอง ตอนช่วงนั้นต้องรีบฉวยโอกาสพิจารณาวิปัสสนากรรมฐานทันที ก็คือพิจารณาให้เห็นชัดเจนว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา

เนื่องเพราะว่าถ้าเราไม่รีบพิจารณา รัก โลภ โกรธ หลง จะฉวยกำลังสมาธินั้นไปใช้งานแทน เราก็จะฟุ้งซ่านไปใน รัก โลภ โกรธ หลง ได้อย่างหนักแน่นมาก ระงับไม่ได้ เพราะกำลังของกิเลสดีกว่า เนื่องจากได้สมาธิไปช่วย เราจึงจำเป็นต้องใช้กำลังสมาธิไปในการพิจารณา

เมื่อรู้สึกว่าการพิจารณานั้นเริ่มเลือนลาง ไม่ชัดเจน แปลว่าสมาธิของเราตกแล้ว เราก็เร่งกลับมาภาวนาในสมถกรรมฐานใหม่ เมื่อไปจนสุด ไปต่อไม่ได้ก็คลายสมาธิมาพิจารณา ทำสลับกันไปสลับกันมา ลักษณะอย่างนี้ถึงจะมีความก้าวหน้า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2024 เมื่อ 02:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา