ถ้าหากว่ากระผม/อาตมภาพเองล้าเหมือนกับทุกคน ถึงเวลาท่านก็จะไม่เห็นว่าตอนช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพมาเจริญกรรมฐานแล้ว แต่นี่บางทีมาแล้วก็มีพวกท่านอยู่แค่คนสองคน กว่าที่จะมาพร้อม บางทีเสียงตามสายเกือบจะจบแล้ว หรือจนกระทั่งทำวัตรเสร็จ ที่นั่งก็ยังว่างอยู่มากมาย
ถ้าเป็นสมัยอยู่ที่วัดท่าซุง โดน "ไอ้ท่านทหาร" ประจานแน่นอน เพราะไอ้เจ้านั่นเป็นหมาขยัน ถึงเวลาก็ไปทำวัตร สวดมนต์ เจริญภาวนา ตรงไหนที่ว่างเพราะว่าพระเจ้าของที่นั่งไม่มา เจ้าทหารก็จะไปนั่งเกาขี้กลากประจานอยู่ตรงนั้น ก็คือไปทำให้ดูว่า "กูเป็นหมาแท้ ๆ ยังขยันกว่าอีก..!"
หรือไม่ท่านทั้งหลายก็สังเกตดูว่า "แก๊งหมาหน้ากุฏิ" ของกระผม/อาตมภาพ จะวิ่งมาถึงศาลาก่อนเวลาเสมอ ไม่ใช่มาเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนำแล้วตามมา แต่ว่ามากันเอง เขารู้แค่ว่าระยะเวลานี้ ถ้ามานอนบริเวณนี้เขาจะสงบ จะมีความสุข เขาก็มากันเองโดยอัตโนมัติ แต่ว่าเราเป็นมนุษย์ เป็นพระภิกษุสามเณร เป็นแม่ชี เป็นฆราวาสนักปฏิบัติธรรม จิตสำนึกยังสู้หมาไม่ได้..! ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
เพราะฉะนั้น..โอกาสของเราที่บางคนตั้งกำลังใจไว้ว่า "ในช่วงพรรษาจะปฏิบัติให้เต็มที่" เผลอหน่อยเดียวไม้เอกหล่นหายเหลือแค่ "เต็มที" ก็ให้ตั้งกำลังใจเสียใหม่ เหลือเวลาอีกแค่ ๘ - ๙ วันเท่านั้น แต่ความจริงจะใช้คำว่าเท่านั้นก็ไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราเร่งรัดปฏิบัติแบบทุ่มเทจริง ๆ ๘ - ๙ วันก็เห็นหน้าเห็นหลังแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่หวังว่า วันนี้ท่านทั้งหลายฟังไปแล้วจะได้สำนึกกันบ้างว่า ตัวเราอยู่ในบ้านที่กำลังไฟไหม้ ควรที่จะรีบเร่งรัดหนี หรือจะปล่อยให้ไฟเผาตายไปอีกชาติหนึ่ง ก็แล้วแต่จะตัดสินใจกันเอง..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2024 เมื่อ 03:18
|