วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพไข้ขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน เนื่องเพราะว่าอากาศทางทองผาภูมินั้น เหมือนกับต้นฤดูหนาว ก็คือค่อนข้างจะเย็น นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเห็นทะเลหมอกอำเภอทองผาภูมิ ถ้ามาในช่วงนี้ ได้ดูจนจุใจอย่างแน่นอน แต่ด้วยความที่อากาศเปลี่ยนแรงมาก จึงทำให้บุคคลที่มีเชื้อมาลาเรียอยู่ในร่างกาย ก็ออกอาการ "เดี้ยง" ไปตาม ๆ กัน ขนาด "ลูกอ้วน" (นางสาวภัทรวรรณ จะหวะ) ซึ่งอึดพอกับควาย ๒ ตัว ก็ยังมาลาเรียขึ้นสมอง อาเจียนจนกระทั่งทำงานต่อไม่ไหว ต้องกินยาแล้วนอนพัก
กระผม/อาตมภาพยังคงนำพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตยามเช้าตามปกติ ก็คือถ้ายังลากสังขารไปไหว ก็ทำหน้าที่ของตนไปจนวินาทีสุดท้าย เรียกง่าย ๆ ว่าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถ้าต้องจากไปก็จากไปอย่างสง่างามที่สุด เหมือนกับทหารที่ปฏิญาณตนว่า "ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร" ส่วนกระผม/อาตมภาพสมัยที่เรียนวิชาทหารอยู่กับเพื่อน ๆ ก็มักจะแปลงคำขวัญนี้ว่า "ตายในสนามรบเป็นศพของทหาร..!" เมื่อตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ถ้ายังไหวก็ต้องไป..!
เมื่อบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบเดินทางไปยังวัดปรังกาสี หมู่ที่ ๓ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมการตรวจประเมินตามโครงการ วัด ประชา รัฐ สร้างสุข ด้วยหลัก ๕ ส. ซึ่งโครงการนี้ช่วยให้วัดวาอารามหลายแห่ง ที่รกเรื้อหาคนดูแลไม่ได้ ทำให้กลายเป็นวัดที่สะอาดสะอ้าน สมกับเป็นสถานที่ในพระพุทธศาสนา เนื่องเพราะว่าหลัก ๕ ส. นั้นก็คือ สะสาง สะอาด สะดวก สร้างระเบียบ สร้างวินัย
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว เป็นสิ่งที่พระภิกษุสามเณรต้องทำตามปกติอยู่แล้ว แต่ก็มีบุคคลอยู่ประเภทหนึ่งที่อยู่อาศัยวัด ไม่ได้อยู่ให้วัดได้อาศัย ประมาณว่าหญ้ารกจนกระทั่งแทบจะเลี้ยงเสือได้ทั้งฝูงก็ยังไม่ไปเหลียวแล หรือว่าวัดวาอารามสกปรกโสโครกเหมือนกองขยะ ก็ไม่ได้ไปเหลียวแล
กระผม/อาตมภาพเคยได้รับคำสั่งจากพระเดชพระคุณพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ ป.ธ. ๔) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ตอนนั้นท่านยังเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชธรรมโสภณ สั่งให้ไปช่วยพัฒนาวัดทองผาภูมิ เพราะว่าเป็นวัดที่ทรุดโทรมมาก เนื่องจากว่าเจ้าอาวาสในยุคนั้นเอาแต่จัดตลาดนัด เก็บเงินอย่างเดียว ขยะเต็มวัดไปหมดก็ไม่ได้เหลียวแล โดยเฉพาะด้านหลังโบสถ์ซึ่งเป็นที่ว่างกว้างใหญ่ สามารถทำประโยชน์ได้มาก ก็มีแต่กอหญ้าสูงท่วมหัว..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2024 เมื่อ 02:02
|