ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พระภิกษุสามเณรของเราจึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นหรือว่าระดับชาติ เนื่องเพราะว่ามีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับพระพุทธศาสนาของเรา ก็คือทำให้วัดวาอารามกลายเป็นแหล่งคะแนนเสียง ถึงเวลาต้องการคะแนนเสียงก็เข้าวัดเข้าวา มือไม้อ่อนทั้งกราบทั้งไหว้ พอสำเร็จผลตามที่ตนเองต้องการก็หายหัวไป จนกว่าจะเลือกตั้งครั้งใหม่ถึงได้เห็นหน้ากันอีก กระผม/อาตมภาพเองเห็นเรื่องนี้มานานมากแล้ว
ดังนั้น..ทุกวันนี้จึงไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการเมืองท้องถิ่นหรือระดับชาติเลย ใครมาหาก็บอกว่าให้ไปกราบขอพรกับสังขารหลวงปู่สายโน่น พูดง่าย ๆ ว่าคุณจะได้หรือจะตก ก็ไปด่าหลวงปู่เอาเอง ส่วนกระผม/อาตมภาพจะโดนหลวงปู่เหยียบหรือเปล่าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง..!
ในส่วนที่น่าเป็นห่วงมากก็เพราะว่า คนเราปัจจุบันนี้มองแต่ในเรื่องของผลประโยชน์ ไม่ได้มองในเรื่องของศีลของธรรม ใครให้ประโยชน์แก่ตนเอง ก็กลายเป็นผู้ที่เราเลือกเข้าไปเป็นตัวแทน เป็นสิทธิ์เป็นเสียงให้กับเรา
การเลือกตั้งบ้านเราแต่ละครั้งจึงมี "คืนหมาหอน" มีการไปให้สัญญิงสัญญาล่วงหน้าว่า ถ้าเลือกตนเองแล้วจะได้อะไรบ้าง ? มีที่ซื้อเสียงกันแบบโจ่งแจ้งบ้าง หลังการเลือกตั้งกว่าจะประกาศได้ กกต. ก็แทบจะหัวหงอก..! เพราะสารพัดเรื่องร้องเรียนเข้ามาเป็นพันเป็นหมื่นเรื่อง ก็ต้องอาศัยประกาศผลไปก่อนเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการบริหาร แล้วก็มา "สอย" กันทีหลัง ซึ่งทำให้เสียหายมาก เพราะว่าเลือกตั้งซ่อมแต่ละครั้งก็เงินงบประมาณของชาติทั้งนั้น..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-09-2024 เมื่อ 02:25
|