ส่วนการเข้านิโรธสมาบัตินั้นไม่ขอกล่าวถึง เนื่องเพราะว่าในชีวิตนี้ กระผม/อาตมภาพก็ได้รับการบอกเล่าจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์เท่านั้น โดยเฉพาะพระเดชพระคุณครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย วัดเก่าที่ครูบาวิฑูรย์ท่านบวชเป็นสามเณรอยู่ที่นั่น หลวงปู่ชุ่มท่านสามารถเข้านิโรธสมาบัติในอิริยาบถทั้ง ๔ ได้ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านปรารภว่า "ในชีวิตของข้าก็พบเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น"
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็อาจจะสงสัยว่า การเข้านิโรธสมาบัติคือการดับสัญญา ได้แก่ ความรู้ได้หมายจำ และเวทนาคือความรู้สึกสุขทุกข์ หรือว่าไม่สุขไม่ทุกข์เสียทั้งหมด แล้วท่านจะไปบังคับร่างกายให้เข้านิโรธสมาบัติในลักษณะการเดินได้อย่างไร ? แรก ๆ กระผม/อาตมภาพก็งมหาคำตอบอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ได้คำตอบว่า ท่านอธิษฐานจิตบังคับร่างกายให้เดินในลักษณะแบบนั้นก่อน แล้วค่อยถอดจิตทิ้งขันธ์ไป
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการเข้านิโรธสมาบัติมีอยู่ ๒ อาการ อาการหนึ่งก็คือการที่จิตดำรงอยู่ภายในร่างกาย แต่ว่าไม่เกาะเกี่ยวกับร่างกายเลย อาจจะนอนนิ่ง ๆ หรือว่านั่งนิ่ง ๆ ไปอย่างเดียว ตลอดจนกระทั่งยืนนิ่งแบบหลวงปู่คำคะนิง หรือว่าเดินได้แบบหลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย
อาการที่สองก็คือการที่บังคับจิตให้ทำสิ่งหนึ่งประการใด แต่ว่าสภาพจิตก็ไม่ได้เกาะเกี่ยวกับร่างกายเช่นกัน จิตของท่านอาจจะไปพักผ่อนอยู่บนพระนิพพาน หรือว่าไปกราบพระ ไปสนทนาธรรมกับบรรดาพระอรหันต์ ตลอดจนกระทั่งผู้ที่มีความข้องเกี่ยวซึ่งเข้ามาในช่วงนั้น
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่เกินกำลังที่พวกเราทั้งหลายจะรู้ได้ แต่ขอให้ทราบว่า ต้องเป็นบุคคลที่ทรงความเป็นพระอนาคามีและได้สมาบัติ ๘ ขึ้นไปเท่านั้น ท่านจึงจะสามารถเข้านิโรธสมาบัติตามที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกได้ ส่วนใหญ่ที่เข้าอยู่ในปัจจุบันก็คือนิโรธกรรม ตามแนวปฏิบัติสายล้านนาเท่านั้น
ในส่วนที่จะต้องโดนอย่างแน่นอนก็คือ ในช่วงที่เข้านิโรธกรรมอยู่นั้นก็มักจะโดน "ลองของ" อยู่เสมอ จากบรรดาบุคคลที่เรียนในไสยศาสตร์ แล้วต้องการทดสอบวิชาของตนเองบ้าง กระทำไปโดยอิจฉาริษยาบ้าง ก็จะส่งบรรดาวัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ แม้กระทั่งพวกผีมารบกวนอยู่เสมอ
ผู้ที่จะเข้านิโรธกรรมหรือนิโรธสมาบัติ จึงต้องไปขอร้องพระเถระที่ท่านมั่นใจว่าจะสามารถปกป้องคุ้มครองท่านได้ ตลอดระยะเวลาที่เข้านิโรธกรรมหรือนิโรธสมาบัติอยู่ ให้คอยดูแลรักษา และรับท่านออกจากการเข้านิโรธกรรมนั้น ๆ โดยเฉพาะในวันสุดท้ายที่ท่านออกมา ร่างกายจะอ่อนเพลียมาก เนื่องเพราะว่าร่างกายขาดธาตุอาหารมาตลอด ๗ หรือว่า ๙ วัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเผลอขาดสติก็อาจจะโดนเล่นกันซึ่ง ๆ หน้าในช่วงนั้นได้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2024 เมื่อ 02:12
|