ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 23-09-2024, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,637
ได้ให้อนุโมทนา: 158,515
ได้รับอนุโมทนา 4,488,530 ครั้ง ใน 36,246 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ส่วนการเข้านิโรธสมาบัตินั้นไม่ขอกล่าวถึง เนื่องเพราะว่าในชีวิตนี้ กระผม/อาตมภาพก็ได้รับการบอกเล่าจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์เท่านั้น โดยเฉพาะพระเดชพระคุณครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย วัดเก่าที่ครูบาวิฑูรย์ท่านบวชเป็นสามเณรอยู่ที่นั่น หลวงปู่ชุ่มท่านสามารถเข้านิโรธสมาบัติในอิริยาบถทั้ง ๔ ได้ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านปรารภว่า "ในชีวิตของข้าก็พบเห็นเพียงคนเดียวเท่านั้น"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็อาจจะสงสัยว่า การเข้านิโรธสมาบัติคือการดับสัญญา ได้แก่ ความรู้ได้หมายจำ และเวทนาคือความรู้สึกสุขทุกข์ หรือว่าไม่สุขไม่ทุกข์เสียทั้งหมด แล้วท่านจะไปบังคับร่างกายให้เข้านิโรธสมาบัติในลักษณะการเดินได้อย่างไร ? แรก ๆ กระผม/อาตมภาพก็งมหาคำตอบอยู่นาน ท้ายที่สุดก็ได้คำตอบว่า ท่านอธิษฐานจิตบังคับร่างกายให้เดินในลักษณะแบบนั้นก่อน แล้วค่อยถอดจิตทิ้งขันธ์ไป

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการเข้านิโรธสมาบัติมีอยู่ ๒ อาการ อาการหนึ่งก็คือการที่จิตดำรงอยู่ภายในร่างกาย แต่ว่าไม่เกาะเกี่ยวกับร่างกายเลย อาจจะนอนนิ่ง ๆ หรือว่านั่งนิ่ง ๆ ไปอย่างเดียว ตลอดจนกระทั่งยืนนิ่งแบบหลวงปู่คำคะนิง หรือว่าเดินได้แบบหลวงปู่ครูบาชุ่ม วัดวังมุย

อาการที่สองก็คือการที่บังคับจิตให้ทำสิ่งหนึ่งประการใด แต่ว่าสภาพจิตก็ไม่ได้เกาะเกี่ยวกับร่างกายเช่นกัน จิตของท่านอาจจะไปพักผ่อนอยู่บนพระนิพพาน หรือว่าไปกราบพระ ไปสนทนาธรรมกับบรรดาพระอรหันต์ ตลอดจนกระทั่งผู้ที่มีความข้องเกี่ยวซึ่งเข้ามาในช่วงนั้น

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่เกินกำลังที่พวกเราทั้งหลายจะรู้ได้ แต่ขอให้ทราบว่า ต้องเป็นบุคคลที่ทรงความเป็นพระอนาคามีและได้สมาบัติ ๘ ขึ้นไปเท่านั้น ท่านจึงจะสามารถเข้านิโรธสมาบัติตามที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกได้ ส่วนใหญ่ที่เข้าอยู่ในปัจจุบันก็คือนิโรธกรรม ตามแนวปฏิบัติสายล้านนาเท่านั้น

ในส่วนที่จะต้องโดนอย่างแน่นอนก็คือ ในช่วงที่เข้านิโรธกรรมอยู่นั้นก็มักจะโดน "ลองของ" อยู่เสมอ จากบรรดาบุคคลที่เรียนในไสยศาสตร์ แล้วต้องการทดสอบวิชาของตนเองบ้าง กระทำไปโดยอิจฉาริษยาบ้าง ก็จะส่งบรรดาวัตถุอาถรรพ์ต่าง ๆ แม้กระทั่งพวกผีมารบกวนอยู่เสมอ

ผู้ที่จะเข้านิโรธกรรมหรือนิโรธสมาบัติ จึงต้องไปขอร้องพระเถระที่ท่านมั่นใจว่าจะสามารถปกป้องคุ้มครองท่านได้ ตลอดระยะเวลาที่เข้านิโรธกรรมหรือนิโรธสมาบัติอยู่ ให้คอยดูแลรักษา และรับท่านออกจากการเข้านิโรธกรรมนั้น ๆ โดยเฉพาะในวันสุดท้ายที่ท่านออกมา ร่างกายจะอ่อนเพลียมาก เนื่องเพราะว่าร่างกายขาดธาตุอาหารมาตลอด ๗ หรือว่า ๙ วัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเผลอขาดสติก็อาจจะโดนเล่นกันซึ่ง ๆ หน้าในช่วงนั้นได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2024 เมื่อ 02:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา