อีกส่วนหนึ่งก็คือ ถ้ามีบุคคลที่ท่านได้มรรคผลถึงระดับอนาคามีขึ้นไป และทนงสมาบัติ ๘ ได้ ถ้าปฏิบัติตามแนวทางนี้ ท่านก็จะเข้านิโรธสมาบัติ ซึ่งนิโรธสมาบัตินั้นเป็นการดับซึ่งสัญญาและเวทนาทั้งปวง โดยปกติแล้วก็จะเข้ากันอยู่ในอิริยาบถเดียว ก็คือนั่งหรือว่านอนเป็นส่วนใหญ่ อิริยาบถยืนนั้นมีน้อยมาก
เท่าที่ทราบมา บุคคลที่เข้าอิริยาบถยืนก็คือหลวงปู่คำคะนิง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ซึ่งหลวงปู่คำคะนิง จุลมณีนั้น ท่านเข้านิโรธสมาบัติจนกระทั่งปลวกทำรังขึ้นมาถึงหัวเข่า เพราะว่าท่านยืนนิ่ง ๆ เฉย ๆ ปลวกน่าจะคิดว่าเป็นตอไม้ จึงได้ทำการสร้างรังล้อมบริเวณนั้นเอาไว้เลย..!
ถ้าหากไม่ใช่เพราะท่านยังมีเรื่องของเวรกรรมสัมพันธ์อยู่กับโลกมนุษย์ ทำให้มีบุคคลไปพบเห็นเข้า แล้วไปขุดเอารังปลวกออก นำท่านมาช่วยพยาบาล จนกระทั่งท่านต้องคลายออกจากสมาธิ น่าจะเกิดจากรำคาญที่ญาติโยมไปรบกวนไม่แล้วไม่เลิก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านจึงต้องออกมาผจญกรรมในโลกมนุษย์ต่อไป หาไม่แล้วก็คงจะเข้านิโรธสมาบัติไปจนกระทั่งมรณภาพไปเลย..!
หรือถ้าหากว่าเข้าในอิริยาบถนั่งก็อย่างหลวงพ่อขี้ค้างคาว ที่สมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงออกธุดงค์แล้วไปพบเข้า ท่านนั่งเข้าสมาบัติอยู่ในถ้ำ จนกระทั่งค้างคาวซึ่งบินเข้าบินออกขี้ไว้วันละเล็กวันละน้อย จนกระทั่งขี้ค้างคาวท่วมมาถึงเอว หลวงพ่อฤๅษีฯ ไปสะกิด ท่านก็ "อือ..อือ" ให้รู้ว่าท่านกำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่ ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็อาจจะเข้าไป จนกระทั่งค้างคาวขี้ท่วมหัวมองไม่เห็นองค์ท่านไปเลย แล้วก็มรณภาพไปอย่างนั้น..!
ผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติลักษณะแบบนั้น ส่วนใหญ่ก็เกิดจากการที่ท่านไม่มีบุญกรรมสัมพันธ์กับทางโลกมากไปกว่านั้น เมื่อถึงเวลาก็ใช้วิธีเข้าสมาบัติ เพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องความทุกข์ทางโลกอีก รอจนกระทั่งหมดบุญสัมพันธ์ หมดกรรมสัมพันธ์ หมดอายุขัยของร่างกายนั้น ท่านก็จะมรณภาพและไปตามหนทางของตน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2024 เมื่อ 02:10
|