วิธีที่สำคัญที่สุดก็คือ อัตตนา โจทยัตตานัง ไม่จับผิดคนอื่น แต่ให้ดูความผิดพลาดของตนเองแล้วแก้ไข ถ้าต่างคนต่างดูที่ตัว แก้ที่ตัว กาย วาจา ใจ ของแต่ละคนก็จะดีขึ้น ความสุขสงบในสังคมจะมีมากขึ้น โลกก็จะเร่าร้อนน้อยลง
ไม่ใช่ว่าเขายังไม่ทันจะทำอะไร เราก็ไปเที่ยวตำหนิ ไปโยงเอาความผิดพลาดเก่า ๆ ที่ทางครอบครัวหรือทางพรรคการเมืองเคยทำเอาไว้ แล้วก็มา "ตราหน้าค่าชื่อ" กับบุคคลที่อยู่ในปัจจุบัน เรื่องพวกนั้นเขามีวิถีทางตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ถ้ารู้จักหุบปากเสียบ้าง ประเทศของเราจะอยู่สุขสงบกว่านี้เยอะ บรรดานักการเมืองก็จะมีเวลาไปช่วยเหลือเรื่องปากท้องประชาชนมากกว่านี้ ไม่ใช่มัวแต่แก้ข้อกล่าวหาของคนอื่นอยู่
เราท่านทั้งหลายที่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมจึงต้องตระหนักว่า การทำ กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้น ให้เจริญขึ้นนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด อะไรที่ทำให้จิตของเราเศร้าหมอง อย่าได้รับเข้ามา ไม่อย่างนั้นแล้วเราเองก็เท่ากับว่าไม่ได้ปฏิบัติธรรม
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ได้สอนอะไรมาก สอนให้ดูว่า ใจของเรามีความชั่วอยู่หรือไม่ ? ถ้ามีก็ให้ขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาอีก ใจของเรามีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีก็สร้างความดีนั้นให้เกิดขึ้นมา ถ้ามีแล้วก็ทำให้ความดีนั้นเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
หน้าที่ของพุทธศาสนิกชนจะว่าไปแล้วมีอยู่แค่นี้เท่านั้นเอง แล้วการที่เราขัดเกลาตนเอง ดูที่ตนเอง แก้ที่ตนเอง ถ้าทุกคนสามารถขัดเกลาจน กาย วาจา ใจ ของตนเจริญขึ้นมาได้ สังคมรอบข้างก็จะดีงามไปเองโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น..ต้องตระหนักว่าชีวิตของเรามีน้อย เหมือนอย่างกับไก่ที่จะโดนเชือด จึงไม่ใช่เรื่องที่จะไปจิกกัน ไม่ใช่เรื่องที่จะไปแซะกัน แต่เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างต้องเร่งทำ กาย วาจา ใจ ของตนให้ดีที่สุด ถึงเวลาถ้าปุบปับตายไป อย่างน้อยจะได้มีสุคติเป็นที่ไป
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2024 เมื่อ 02:44
|