ส่วนกระผม/อาตมภาพ เมื่อกลับถึงที่พักแล้วก็ยังไม่ได้พักผ่อน นอกจากฉันยาประทังอาการเอาไว้ แล้วก็ทำงานต่าง ๆ ที่ยังตกค้างอยู่ โดยเฉพาะการลงบัญชีประจำวัน ต้องตั้งสติอย่างที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเลขมีการผิดพลาด ในช่วงเวลาแบบนี้แหละที่เราจะรู้ว่าต้นทุนของตนเองนั้นมีเท่าไร ? จากที่เวลาเดิน รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง เมื่อถึงเวลาที่จะต้องใช้งาน โดยเฉพาะในเรื่องของตัวเลข กำลังสมาธิที่เราจดจ่อลงไปตรงหน้า ทำให้ทุกอย่างสว่างไสวชัดเจน เหมือนกับไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลย..!
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าท่านเป็นนักปฏิบัติธรรม แล้วในขณะเดียวกันถ้าทำมาถึงตรงจุดนี้ ขอให้รู้ว่า อาการเหล่านี้แหละคือการทรงสมาธิแบบใช้งานจริง เมื่อถึงเวลาร่างกายจะเจ็บไข้ได้ป่วยขนาดไหนก็ตาม เราก็สามารถที่จะสั่งให้ร่างกายนั้นทำงานไปก่อน หมดงานเมื่อไรแล้วค่อยไปนอนแผ่หรากันทีหลัง..!
เรื่องพวกนี้ กระผม/อาตมภาพเคยใช้คำพูดประมาณว่า "ในเมื่อร่างกายไม่ใช่ของเรา เราก็ต้องเป็นผู้บังคับร่างกาย ไม่ใช่ให้ร่างกายมาบังคับเรา" แต่บุคคลที่จะทำแบบนี้ได้ต้องซักซ้อมในเรื่องสมาธิมาอย่างช่ำชอง ไม่เช่นนั้นแล้วพอถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย ก็จะออกอาการเหมือนกับหลวงปู่พระโคธิกเถระ ก็คือไม่สามารถที่จะเข้าสมาธิได้
หลวงปู่พระโคธิกะท่านเจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย จนกระทั่งไม่สามารถที่จะทรงสมาธิได้ ทำให้กำลังสมาธิไม่เพียงพอที่จะตัดกิเลส เนื่องเพราะว่าบุคคลที่จะตัดกิเลสได้นั้น ต้องถึงพร้อมด้วยมรรค ๘ ที่ย่อลงมาแล้วก็คือศีล สมาธิ และปัญญา ในเมื่อสมาธิไม่มี กำลังก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยปัญญาในการตัดกิเลส
หลวงปู่โคธิกเถระท่านเห็นถึงความเป็นทุกข์เป็นโทษของร่างกายนี้ ท่านจึงตัดสินใจว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายที่หาความดีไม่ได้นี้ ท่านไม่ต้องการอีกแล้ว จากนั้นก็ตัดใจใช้มีดโกนเชือดคอตนเองมรณภาพ บุคคลที่จะทำเช่นนั้นได้ กำลังใจต้องตัดขาดได้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วโอกาสที่จะพลาดลงอบายภูมิมีสูงมาก..!
พญามารเมื่อเห็นพระโคธิกเถระเชือดคอตาย ก็พยายามที่จะเสาะหาดวงจิตของท่าน จะได้นำไปเยาะเย้ยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "โคธิกะบุตรของท่านอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว" แต่ปรากฏว่าหาเท่าไรก็หาไม่เจอ จึงปลอมเป็นมาณพหนุ่ม ถือพิณสีเหลืองเหมือนผลมะตูมสุก เข้าไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ตรัสหลอกลวงตามแบบพญามารว่า "โคธิกะบุตรของท่านอยู่ในเงื้อมมือเราแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2024 เมื่อ 00:08
|