ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 18-09-2024, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,637 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บุคคลที่รักษาศีล ๘ นั้นก็ย่อมที่จะมีสติระมัดระวังมากกว่าศีล ๕ ดังนั้น..การค้าขายก็จะเป็นไปโดยตรงไปตรงมามากกว่า ประกอบไปด้วยเมตตา กรุณามากกว่า แล้วทำไมถึงมากล่าวว่าศีล ๘ นั้นห้ามค้าขาย ? ถ้าเป็นเช่นนั้น บุคคลในยุคสมัยพุทธกาลซึ่งท่านเป็นมหาเศรษฐีบ้าง เป็นคหบดีบ้าง ก็คงไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันพอดี เพราะว่ายุคสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็ทำมาค้าขายกันทั้งสิ้น

อีกส่วนหนึ่งก็คือมีผู้ถามว่า แม้องค์สมเด็จพระสังฆราชได้มีพระวินิจฉัยและกล่าวบอกบุคคลผู้หนึ่งไปว่า "ให้สอนธรรมให้ตรงกับพระไตรปิฎก" ก็ยังมีการนำเอาพระโอวาทไปแถข้างแบบสีข้างถลอกอีก..! กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวไปว่า ในเมื่อเรารู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร อะไรใช่ อะไรไม่ใช่ ก็แปลว่าเราเป็นผู้ที่มีสภาพจิตละเอียดกว่า ก็จงให้อภัยแก่บุคคลผู้นั้น หวังว่าเขาจะพ้นจากความมืดบอดเสียที แม้องค์ประมุขสงฆ์ได้เมตตาบอกกล่าวไปขนาดนั้นแล้ว ก็ยังทำเป็น "ไขสือ" แถข้างไป กล่าวแต่ในส่วนที่เป็นประโยชน์แก่ตน

ทำให้กระผม/อาตมภาพอดที่จะชื่นชมบรรดาพระภิกษุในสมัยพุทธกาลไม่ได้ ในยุคนั้นแม้ว่าท่านจะทำในสิ่งที่น่าเกลียดน่าชัง ล่วงละเมิดศีลขนาดไหนก็ตาม เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถามว่า "ดูก่อน..โมฆบุรุษ เธอกระทำเช่นนั้นหรือ ?" "ดูก่อน..โมฆบุรุษ เธอกล่าวเช่นนั้นหรือ ?" บุคคลผู้นั้นก็จะรับว่า "ใช่พระเจ้าข้า" หรือว่า "ใช่ ขอรับเจ้าข้า"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น องค์สมเด็จพระภควันบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะตรัสตำหนิว่า การกระทำที่ผิดพลาดเช่นนั้นจะก่อให้เกิดโทษอย่างไร ถ้ากระทำถูกต้องแล้วจะมีประโยชน์อย่างไร ถ้าการกระทำนั้นยังไม่มีข้อห้าม ก็จะบัญญัติศีลขึ้นมา ถ้ามีศีลแล้วยังมีการแถข้างไป ก็จะทรงตั้งอนุบัญญัติขึ้นมา เพื่อห้ามบุคคลที่ชอบเลื้อยเป็นปลาไหล ไม่ยอมรับในสิ่งที่พระองค์ท่านบอกกล่าวไปตรง ๆ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กำลังใจของคนสมัยพุทธกาล แม้ว่าจะทำชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ตาม แต่ท่านมีคุณงามความดี ก็คือผิดก็ยอมรับว่าผิด ใช่ก็ยอมรับว่าใช่ ไม่เหมือนกับสมัยนี้ ที่ถึงเวลาแล้วก็กล่าวเฉพาะในส่วนที่เป็นประโยชน์ของตนเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2024 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา