โยมท่านใดเห็นอาตมภาพนั่งรับแต่เงินแล้วอยากได้แบบนี้บ้าง ให้ไปภาวนาพระคาถาเงินล้าน ถ้าไม่รู้ว่าคาถาเงินล้านคืออะไร ก็ค้นหาเอาในอินเตอร์เน็ตได้ นอกจากเราจะได้การภาวนาสร้างสมาธิแล้ว ถ้า "ทำขึ้น" ทรัพย์สินเงินทองจะไหลมาเทมา
สมัยก่อนตอนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเรื่องนี้ใหม่ ๆ อาตมภาพก็คิดว่า สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านบอกเรื่องพระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ ก็มีบุคคลตัวอย่าง เช่น นายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร นายเฉลิม คงทอง หรือว่านายแจ่ม เปาเล้ง ที่สามารถทำพระคาถาขึ้นจนเป็นตัวอย่างแก่หมู่ศิษย์ได้ แล้วสมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ ทำไมไม่มีใครทำจนเป็นตัวอย่างได้บ้าง ?
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อาตมภาพก็เลยทำเสียเอง จากที่ภาวนาแค่พออาศัยวันละ ๙ จบ ก็ขยายเป็น ๓๐ จบ เป็น ๑๒๐ จบ เป็น ๓๐๐ จบ ๓๖๐ จบ ๔๘๐ จบ ๖๐๐ จบ ๙๐๐ จบ ท้ายที่สุดไปลงที่ ๑,๒๐๐ จบต่อวัน แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย ตื่นตี ๓ ภาวนาไปเรื่อย มีเวลาพักฉันอาหารเช้าประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น แล้วก็ว่ายาวไปจน ๑ ทุ่มถึงได้พักผ่อน
การภาวนาให้ว่าช้า ๆ ใช้คำภาวนาควบลมหายใจเข้าออก ไม่ใช่ไปเร่งให้จบได้หลาย ๆ จบ การได้มากได้น้อยไม่ได้สำคัญ สำคัญตรงที่จิตเป็นสมาธิ จิตเป็นสมาธิสูงมากก็ได้ผลมาก
ตอนหลังก็ผ่อนลงมา เหลือวันละ ๓๐๐ จบ ทำอยู่ประมาณ ๓ ปีติดกัน อาศัยนับลูกประคำจนสายขาดไปจนนับครั้งไม่ถ้วน นับจนลูกประคำธรรมดาใสเป็นแก้วไปเลย นิ้วมือตัวเองก็ด้านขึ้นมาเป็นเม็ด ๆ พอทำจริงจังเข้า สิ่งของต่าง ๆ ก็ไหลมาเทมาเอง จึงไม่ต้องไปยกตัวอย่างคนอื่น เพราะว่าทำเองสำเร็จแล้ว
สิ่งนี้อาตมภาพไม่ได้พูดเล่น หากแต่เป็นคุณธวัช สวนศิลป์พงศ์ ผู้จัดการธนาคารกรุงไทยสาขาอุทัยธานีในสมัยนั้น ท่านเป็นคนยืนยันเองว่า "นอกจากหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว มีแต่ท่านนั่นแหละที่ฝากเงินมากที่สุด" แต่อาตมภาพเป็นคนฝากเงินได้ไม่นาน เพราะว่ามักจะเบิกเอามาทำบุญเสียหมด..!
ดังนั้น ในสภาพเศรษฐกิจตกสะเก็ด อะไรต่อมิอะไรเป็นไปโดยยาก ถ้าหากว่าเราภาวนาพระคาถาเงินล้านจนเกิดผล เรื่องของทรัพย์สินเงินทองก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเรา ญาติโยมจะเห็นว่าอาตมภาพสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ๑๕๕ ล้านบาท ยังไม่ทันจะเสร็จ เขาเสนอราคาสะพานหลวงปู่สายมาอีก ๑๐๐ กว่าล้านบาทแล้ว บางท่านได้ยินแล้วอยากจะเป็นลม บอกใจเย็น ๆ จ้ะ เรื่องของพระคาถาต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่น มั่นใจในบารมีพระ บารมีครูบาอาจารย์ มั่นใจในความรู้ความสามารถของตนเอง
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-09-2024 เมื่อ 01:01
|