คราวนี้ถ้าหากว่าเราจะรักษายันต์เกราะเพชร นอกจากภาวนาไว้ทุกเช้าแล้ว ยังต้องรักษาศีลให้ได้อย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือต้องไม่ลักขโมยคนอื่น และไม่ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติด ญาติโยมจะเห็นว่าโบราณาจารย์ท่านมีความฉลาดมาก ก็คือให้เรารักษาศีลด้วยการไม่ขโมย ไม่ดื่มสุราเมรัย เจริญสมาธิด้วยการภาวนานึกถึงยันต์เกราะเพชรไว้ทุกเช้า ถ้าเราเองมีความฉลาดมากกว่านั้นว่า ยันต์เกราะเพชรคือบารมีพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่อยู่ที่ไหนนอกจากพระนิพพาน ก็เอาจิตเกาะพระนิพพานไว้ เป็นการใช้ทั้งศีล สมาธิ และปัญญาโดยสมบูรณ์พร้อม
บุคคลที่รักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ จะไม่เป็นอันตรายด้วยไสยศาสตร์ อาตมภาพเองเคยโดนเสียเกือบตาย ไปถามหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "ไหนหลวงพ่อว่าไม่เป็นอันตรายเพราะไสยศาสตร์ ทำไมผมโดนเต็ม ๆ เลย ?" ท่านบอกว่า "คำว่าไม่เป็นอันตรายก็คือจะไม่ตายด้วยไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์เหมือนกับไฟ ยันต์เกราะเพชรเหมือนผนังกั้นไว้ แต่ถ้าไฟกองใหญ่มาก ความร้อนก็มาถึงอยู่ดี เพียงแต่ว่าเปลวไฟนั้นทำอันตรายเราไม่ได้"
ด้วยความที่ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นคู่ปรับของไสยศาสตร์ ก็คือใครตั้งใจจะทำไสยศาสตร์ใส่เรา หรือใส่ผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว เขาตั้งใจจะให้เราลำบากเดือดร้อนเท่าไร ยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนผลนั้นกลับไป คนทำจะลำบากเดือดร้อนเองเท่านั้น หลายต่อหลายรายโดนไปจนเข็ดไปตาม ๆ กัน
ข้อต่อไปก็คือจะไม่ตายโหง อย่างที่ครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอาวาสวัดท่าช้าง สปป.ลาวท่านเล่ามาให้ฟัง ลูกศิษย์ตกจากหลังคาโบสถ์มาประมาณ ๖ เมตร ไม่มีเครื่องป้องกันอะไร วัตถุมงคลอะไรก็ไม่มี นอกจากเคยรับยันต์เกราะเพชรที่ประเทศลาว ตอนที่วัดท่าขนุนจัดงานเป่ายันต์เท่านั้น ไม่มีอันตรายอะไรแม้แต่นิดเดียว ลุกขึ้นทำงานต่อได้เลย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2024 เมื่อ 02:03
|