ในตอนที่ครอบครูเพื่อรับช่วงการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น พระท่านมีคำสั่งว่า อันดับแรก ห้ามใช้กำลังของตัวเองอย่างเด็ดขาด ต่อให้คล่องตัวในสมาบัติ ๘ ขนาดไหน ทำไปก็ได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ของพระท่าน
อันดับที่สอง ให้ใช้ทิพจักขุญาณเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา ท่านสั่งให้ทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ให้ภาวนาคาถาบทไหนก็ภาวนาอย่างนั้น
ข้อต่อไปก็คือ ห้ามเดินสายรับเป่ายันต์ พูดง่าย ๆ ว่าห้ามหากินด้วยวิธีนี้ อยู่ที่วัดไหนให้เป่าสงเคราะห์คนได้เฉพาะที่วัดนั้นเท่านั้น
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อาตมภาพในระยะแรกก็โดนเพื่อนพ้องพี่น้อง โดยเฉพาะญาติโยมสายวัดท่าซุงถล่มจมธรณีไปเลย..! หาว่าวัดรอยเท้าหลวงพ่อ ท่านทั้งหลายต้องฟังท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ท่านบอกว่า "ไม่ใช่ว่าพวกเราเห็นช้างขี้แล้วขี้ตามช้าง แต่กูเป็นลูกช้างจะให้ขี้แบบหมากูทำไม่ได้..!" ฟังหลวงตาท่านพูดประโยคเดียวจบเลย
อาตมภาพก็ทำมาแล้วเกิดผลอย่างที่ญาติโยมหลายต่อหลายท่านเห็นและส่งประสบการณ์มา ในเมื่อญาติโยมมีประสบการณ์มากขึ้นทุกที ความเชื่อถือมีมากขึ้น ก็กลายเป็นว่ามาอยู่กันเต็มวัดอย่างที่เห็นกันตอนนี้
บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ วิธีรักษาก็คือภาวนานึกถึงพระ นึกถึงยันต์ไว้ทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้า ๆ ถ้าภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบได้ยิ่งดี ถ้าไม่ได้อย่างน้อยก็ "พุทโธ..พุทโธ" เอาไว้ พอกำลังใจทรงตัวแล้วกลืนน้ำลายลงไป อานุภาพยันต์เกราะเพชรจะรักษาได้ตลอดเวลาในวันนั้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2024 เมื่อ 03:03
|