จากปี ๒๕๒๖ ญาติโยมไปรับยันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุง ต้องหุงข้าวเลี้ยงโยมไป ๒๒ กระสอบ พอวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ แค่ช่วงเช้าข้าวสารหมดไปเกือบ ๓๐ กระสอบ หลังจากนั้นมาคนก็มีแต่มากขึ้น ๆ ศาลา ๔ ไร่ไม่พอใช้งาน ศาลา ๒ ไร่บวกศาลา ๔ ไร่ ไม่พอใช้งาน หลวงพ่อท่านจึงต้องไปสร้างศาลา ๑๒ ไร่เอาไว้อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้
แล้วในปี ๒๕๓๕ ต้นปี หลวงพ่อท่านบอกให้พระทั้งวัดภาวนาจับภาพพระพุทธเจ้าให้เป็นปกติ เพื่อรอรับการไหว้ครู สืบสายยันต์เกราะเพชรมา แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการสงฆ์วัดท่าซุงคิดอย่างไรก็ไม่ทราบ ปรึกษากันแล้วก็ลงความเห็นว่า การเป่ายันต์เกราะเพชรนั้นเป็นหน้าที่ของหลวงพ่อวัดท่าซุงเท่านั้น ถ้าใครคิดจะทำตามถือว่าเป็นการวัดรอยเท้าครูบาอาจารย์..!
อาตมภาพได้ยินก็ "ของขึ้น" เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นคำสั่งครูบาอาจารย์ก็คือเราต้องทำด้วยชีวิต..! จึงไปขอขันครูจากโยมศุภาพร ปุษยะนาวิน เจ้าหน้าที่บายศรีประจำวัดท่าซุง โดยมีพระรุ่นน้องก็คือท่านชาติชาย สุธมฺมธนปาโล ตามไปอีกคน
ตอนนั้นอาตมภาพได้ ๗ พรรษา ท่านชาติชายได้ ๒ พรรษา "ป้าศุ" ของทุกคนมองหน้าแล้วก็ถอนใจ บอกว่า "หลวงพี่..สองคนรวมกันยังไม่ได้ ๑๐ พรรษาเลย จะไปลุ้นเขาไหวหรือ ?" อาตมาตอบไปว่า "ป้าก็รู้ว่าอะไรที่พ่อสั่งก็คือต้องทำกันจนตัวตาย ใครจะบอกว่าฝืนคำสั่งกรรมการสงฆ์ จะขับออกจากวัดอาตมาก็ยินดีที่จะไป..!"
ป้าศุจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นป้าจะทำขันครูเผื่อพระที่ถวายการรับใช้หลวงพ่อในศาลา ๑๒ ไร่ด้วย" พูดง่าย ๆ ว่าหาคนมา "โดน" ด้วยกัน..! ก็เลยทำให้มีบุคคลได้รับการครอบครูตามสายยันต์เกราะเพชรมาด้วยกัน ๙ รูป ตอนนี้ก็ทั้งมรณภาพและโยกย้ายออกไปด้านนอก เหลือคาวัดอยู่ ๑ รูปเท่านั้น..! เป็นใครให้ไปหาเอาเอง อีก ๘ รูป สึกไปเสียเป็นส่วนใหญ่ อาตมภาพที่แทบจะอาวุโสรั้งท้ายมาอยู่ที่วัดท่าขนุนนี่ แล้วก็เป็นเรื่องแปลกว่า พระท่านมาสั่งให้เป่ายันต์เกราะเพชรเป็นคนแรก..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2024 เมื่อ 03:01
|