ส่วนบายศรีต้นตรงกลางนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านบอกว่าจะชอบสีอะไรก็ตาม แต่ให้มีดอกไม้สีแดงติดอยู่สักเล็กน้อย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของท้าวมหาราชท่าน เพราะว่าท่านขอมาว่าถ้าทำบายศรีแล้วมีสีแดงอยู่ ท่านจะให้การสงเคราะห์อย่างเต็มที่
ส่วนเครื่องประกอบอื่น ๆ นั้น ในส่วนที่เห็นเกินมามากในปัจจุบันนั้น อันดับแรกเลยก็คือทองหยิบฝอยทอง ทองหยิบฝอยทองนั้นมีเอาไว้สำหรับแก้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ไม่ใช่เครื่องประกอบเครื่องบวงสรวง
อย่างต่อไปก็คือในส่วนของถั่วลาชมาศ ซึ่งก็คือถั่วเขียวแกะเปลือกคั่ว เอาไว้ใช้ในการตั้งศาลพระภูมิ ไม่ใช่เอามาขึ้นโต๊ะบวงสรวงไหว้ครู บางที่นอกจากทองหยิบฝอยทองแล้ว ยังแถมขนมจีนน้ำพริกมาอีกด้วย นั่นก็เป็นสิ่งที่เอาไว้แก้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เช่นกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ความผิดเพี้ยนเหล่านี้ก็จะมีมากขึ้น ผลไม้บนโต๊ะบวงสรวงนั้นจะประกอบไปด้วยกล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อนและส้มโอ อย่างละ ๑ ก็คือมะพร้าวอ่อน ๑ ผล ส้มโอ ๑ ผล กล้วยน้ำว้า ๑ หวี กล้วยน้ำว้าต้องเป็นกล้วยสุกเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้เห็นหลายที่จัดผลไม้ ๙ อย่างมาบ้าง ๕ อย่างมาบ้าง ซึ่งเป็นการผิดเพี้ยนไปตามการบวงสรวงของบรรดาพราหมณ์ต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งการไหว้เจ้าจีน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย
อีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่จำเป็นต้องขึ้นโต๊ะก็ได้ก็คือปลาช่อนแป๊ะซะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการไหว้เจ้าที่ในสถานที่นั้น ถ้ามีศาลเจ้าที่อยู่ เอาไปไหว้ที่ศาลเจ้าที่เลย ไม่ต้องเอามาขึ้นโต๊ะก็ได้
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายถ้าหากเห็นว่ามีอะไรมากมายเกินไป นอกเหนือจากที่ครูบาอาจารย์สอนมา ก็ช่วยบอกช่วยกล่าว ช่วยตักเตือนกันด้วย ไม่เช่นนั้นถ้าทิ้งไว้นานไป ความผิดเพี้ยนมีมากขึ้นจนกลายเป็นถูก แล้วท้ายที่สุดของถูกที่แท้จริงก็จะกลายเป็นผิดไป จากที่เมื่อวานเห็นท่านทั้งหลายนำเอาเครื่องบูชารับยันต์เกราะเพชรมาแล้วผิดเพี้ยนไปได้ขนาดนั้น จึงทำให้กระผม/อาตมภาพต้องมาบอกกล่าวไปยันเครื่องบายศรีบูชาครูเสียด้วย
เครื่องบายศรีนั้น ท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านศึกษามาด้วยตนเองแล้ว เมื่อกระผม/อาตมภาพตอกย้ำเข้าไปอีกก็กลายเป็นว่าท่านทำถูกตั้งแต่ต้น และโดยเฉพาะท่านรับเป็นเจ้าภาพเครื่องบวงสรวงให้กระผม/อาตมภาพมาหลายปีแล้ว ทั้ง ๆ ที่เครื่องบวงสรวงบายศรีแต่ละชุดนั้นราคาไม่ใช่ถูก ๆ ปัจจุบันนี้เห็นที่เขาจัดกันทั่วไป ต่ำสุดก็อยู่ที่ ๓๕,๐๐๐ บาท แล้วก็เป็นชุดเล็ก ไม่ใช่ใหญ่เต็มที่อย่างที่ท่านพระมหานันทวัฒน์จัดให้กระผม/อาตมภาพอีกด้วย
โดยเฉพาะท่านเองก็เจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายไม่ดีมาก ๆ ก็ยังอุตส่าห์มาตามดูงานจนเสร็จเรียบร้อย และลงมาจุดธูปจุดเทียนไหว้พระในช่วงทำการเป่ายันต์เกราะเพชรอีกต่างหาก จึงต้องขอบพระคุณในน้ำใจของท่านที่มีต่อวัดท่าขนุนด้วยดีตลอดมา
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2024 เมื่อ 05:23
|