เราเองก็เป็นเช่นนั้นมาก่อน ตอนนี้เราก้าวข้ามไปแล้ว เขาทั้งหลายเป็นผู้มารับช่วงความเลวของเราไป แบก รัก โลภ โกรธ หลง ที่เราเคยแบกเอาไว้แทน ก็แปลว่าเขาเหล่านั้นก็คือทายาท คือผู้รับมรดกไปจากเรา เท่ากับว่าเป็นลูกเป็นหลานของเรานั่นเอง เราเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน ตอนนี้ลูกหลานเป็นแบบนั้นบ้าง แทนที่เราจะไปโกรธไปเคืองเขา ก็สงสารเขาเถอะ ถ้ามีโอกาสแล้วค่อยชี้แจงให้เขาทราบว่า สิ่งที่ถูกต้องนั้นเป็นอย่างไร
ถ้าหากว่าเราท่านทั้งหลายคิดไม่เป็น ชำระใจของตนให้ รัก โลภ โกรธ หลง หลุดออกไปไม่เป็น ก็จะเกิดประสบการณ์อย่างที่แทบทุกคนเกิด ก็คือ "เก็บกด" ค่อย ๆ สะสมเอาไว้ แล้วความซวยจะไปเกิดกับคนสุดท้ายที่เข้ามาถึง เมื่อเก็บกดมากเข้า ๆ ก็เหมือนกับลูกโป่ง โดนเป่าลมอัดเข้าไปจนเต็มที่แล้ว คนสุดท้ายแค่มาสะกิดนิดเดียว ก็ระเบิดตูมใส่หน้าเขาไปเลย..! คนที่โดนก็จะงงมากว่า "อะไรวะ ? แค่นี้ต้องโกรธขนาดนี้ด้วยหรือ ?" แต่ความจริงบางทีเราเก็บกดมาเป็นเดือน ๆ แล้ว
ดังนั้น..ถ้าหากว่าไม่อยากเกิดอาการจิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก เพราะว่าเก็บกด รัก โลภ โกรธ หลง เอาไว้ ก็ต้องใช้ปัญญาคิดให้เป็น สลัดออกไปให้ได้ ที่บาลีใช้คำว่า จาโคก็คือละออกไป ปฏินิสสัคโคคือสลัดทิ้งไป ถึงจะมุตติ หลุดพ้น อนาลโย ปราศจากความห่วงหาอาลัยอีก
ดังนั้น..การทำงานแต่ละครั้งแต่ละงาน สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งต้องสังเกตเลยคือกำลังใจของเรา งานนี้กำไรหรือว่าขาดทุน เสมอตัวยากมาก ส่วนใหญ่ไม่กำไรก็ขาดทุน ถ้ากำไร ได้มากหรือน้อย ? ถ้าหากว่าขาดทุน เราสามารถยืดระยะได้มากกว่าครั้งที่แล้วหรือว่าน้อยกว่าครั้งที่แล้ว ? ต้องสังเกตให้เป็น ต้องดูให้ออก แล้วค่อย ๆ แก้ไขไป
ถ้าตราบใดที่เราดูใจตัวเองไม่ได้ อ่านใจตัวเองไม่ออก เราจะหาความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมไม่ได้เลย เพราะว่าไปรอคนอื่นเขาบอกก็เป็นเรื่องยาก เนื่องเพราะว่าทุกคนก็รักแต่ตัวเอง กลัวว่าถ้าพูดไปแล้วเราจะโกรธจะเคืองเขา เราก็เลยไม่มีกระจกที่จะมาส่องให้เห็นภาพพจน์ที่น่าเกลียดของตนเอง จึงต้องคอยพินิจพิจารณาดู แล้วก็พยายามที่จะชำระใจให้สะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ถ้าทำอย่างนี้ได้ เราจะทำงานด้วยความสนุกมาก เพราะจะต้องคอยดูว่า งานนี้เราจะยืนระยะได้มากกว่าครั้งที่แล้วหรือเปล่า ? เจอแรงกระทบแล้ว เราพังง่ายกว่าเดิม หรือยังสามารถที่จะต่อต้านได้ ? แต่ละงานกำไรหรือขาดทุน ? เหล่านี้เป็นต้น ก็แปลว่าในแต่ละงานคือการที่เราสั่งสมประสบการณ์ในการขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเอง อาศัยงานพัฒนาตัวเอง จนกระทั่งท้ายที่สุด เราก็สามารถยืนหยัดต่อสู้ รัก โลภ โกรธ หลง ได้โดยไม่เพลี่ยงพล้ำ ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่าจะสลัดตัดทิ้งไปได้เมื่อไร
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2024 เมื่อ 03:23
|