วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตรงกับวันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๐ วันเสาร์ ๕ พวกเราแม้ว่าจะแบ่งสันปันส่วนงานกันขนาดไหนก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ต้องแก้ไขระหว่างหน้างานกันทั้งนั้น ซึ่งจะเป็นปัญหาที่จะเจอกันทุกงาน มากบ้างน้อยบ้าง
คราวนี้การที่เราทำงานและแก้ไขปัญหาระหว่างหน้างานนั้น ทำอย่างไรที่เราจะรักษาอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้ พูดง่าย ๆ ก็คือไม่เกิด รัก โลภ โกรธ หลง ขึ้นมา เนื่องเพราะว่าการรักษาอารมณ์ใจของพวกเราไม่ให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่สุด
กระผม/อาตมภาพเองสมัยที่ช่วยงานพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ อยู่ ทั้งตอนเป็นฆราวาสและตอนเป็นพระ อาศัยว่าเป็นคนที่มีความรู้สึกไว รู้ตัวเร็ว แล้วพยายามหาทางแก้ไขเสมอ เนื่องเพราะจากที่ท่านเห็นว่า มีคนจำนวนมากมาร่วมงาน อยู่ในระดับหลายพันคน แต่ยังไม่ได้เศษเสี้ยวของบุคคลที่ไปหาหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะว่าของท่านมาตรฐานก็คือประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ คนต่องาน..!
ที่เคยหนักที่สุดก็คือ ช่วงวันเสาร์จัดงานเป่ายันต์เกราะเพชร แล้ววันอาทิตย์เป็นงานประจำปี เพราะว่าบุคคลแทนที่จะกลับก็อยู่รองานกันต่อไป ตอนนั้นศาลา ๑๒ ไร่ยังสร้างไม่เสร็จ ญาติโยมทั้งหลายนอนกันเกลื่อนกลาดไปหมด โดยไม่ได้สนใจว่าสิ่งก่อสร้างนั้นจะสะอาดหรือว่าสกปรก บรรดาชาวบ้านไปเหมาร้านขายของเก่า ซื้อกระดาษหนังสือพิมพ์มากิโลกรัมละ ๖ สลึง ขายให้เขาปูนอนฉบับละ ๕ บาท..!
แม้ว่าตัวกระผม/อาตมภาพเองจะตั้งใจภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวเต็มที่แล้วก็ตาม แต่เวลาทำงานก็จะมีแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา วันนี้หลายท่านก็เจอ เพราะว่าคนก็คือคนวันยันค่ำ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนแต่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ช่วงเช้าก็ยังพอไหว รักษากำลังใจเอาไว้ได้ แต่พอตอนช่วงบ่าย กระผม/อาตมภาพรู้สึกว่าตัวเองเสียงดังขึ้นไปเรื่อย ๆ การเสียงดังแปลว่าเราเครียดแล้ว กำลังใจตกแล้ว เมื่อรู้ตัวก็รีบดึงเพื่อนมาทำหน้าที่ตรงหน้าหลวงพ่อท่านแทน แล้วตัวเองก็ไปห้องน้ำ ไม่ได้ไปหนักไปเบาอะไรกับใคร แต่ไปนั่งภาวนา จนกระทั่งอารมณ์ใจมั่นคงแล้วถึงออกมาสู้กับงานอีกรอบหนึ่ง เพื่อนฝูงก็คงคิดว่าแวะไปหาข้าวกินมา แต่ความจริงเป็นอาหารใจที่สำคัญกว่าอาหารกายหลายเท่า..!
และนั่นเป็นต้นเหตุให้กระผม/อาตมภาพออกธุดงค์ครั้งแรก เพราะพิจารณาแล้วว่าตนเองยังมีเมตตาไม่เสมอกัน พรหมวิหาร ๔ เราต้องทำจนเป็นอัปปมัญญา ก็คือเสมอหน้ากัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง กระผม/อาตมภาพสังเกตว่า ตนเองยังมีการดูว่าคนนี้คนรวย คนนี้คนจน คนนี้สวย คนนี้ไม่สวย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยทำให้กำลังใจที่จะเมตตาคนอื่นนั้นไม่เท่ากันไปด้วย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2024 เมื่อ 03:14
|