ด้วยความที่เด็ก ๆ เองมีความสามารถอย่างแท้จริงอย่างหนึ่ง และให้เป็นกำลังใจที่อุตส่าห์มาออกนิทรรศการอีกอย่างหนึ่ง กระผม/อาตมภาพจึงต้องจ่ายแล้วจ่ายอีก แต่เป็นการจ่ายด้วยความเต็มใจ ลักษณะเหมือนอย่างกับปลูกพืชแห่งความดีเอาไว้ในจิตใจของเด็ก ต้นคุณงามความดีนี้จะไปเจริญงอกงามในยุคไหนสมัยไหน ก็แล้วแต่ว่าบุญกุศลที่เขาจะสร้างสมเพิ่มเติมหรือว่าสร้างสมมาแต่อดีต จะรวมกันจนเป็นพลวปัจจัย ดลบันดาลให้ความประสงค์ของเขาสำเร็จสัมฤทธิ์ผลดังความปรารถนา
เมื่อพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอาจารย์พระเทพปวรเมธี, รศ., ดร. (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี ป.ธ. ๙) ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลางมาถึง ก็นำพาพวกเราเข้าไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระประธานในพระอุโบสถ เมื่อถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกแล้วออกมา ดร. พระครูมานะ - พระครูปุญญาภิสันท์, ดร. เจ้าคณะอำเภอบางเลนของเรา ท่านก็นำเอาขบวนกลองยาวมารับ โดยการแห่ผ้าห่มหลวงพ่อศิลา ซึ่งเป็นพระประธานเจ้าของชื่อวัดศิลามูล ซึ่งสร้างอยู่ที่ริมแม่น้ำ แห่ไปถึงแล้วทำการห่มผ้าถวาย
ด้วยความที่แต่ละคนล้วนแล้วแต่ทำอะไรเชื่องช้า กระผม/อาตมภาพจึงต้องปีนขึ้นไปห่มผ้าถวายหลวงพ่อศิลาเสียเอง แล้วลงมาปล่อยพันธุ์ปลาต่าง ๆ ลงสู่แม่น้ำท่าจีน ไม่ว่าจะเป็นปลาสวาย ปลายี่สก ตลอดจนกระทั่งปลากดก็ยังมี
แล้วขบวนกลองยาวก็แห่พวกเราไปยังวิปัสสนาธุรสถานวัดศิลามูล ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของทางวัดศิลามูลและของตำบลหินมูลแห่งนี้ ปรากฏว่าบรรดาญาติโยมทั้งหลายเกือบร้อยคนที่ปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ได้มีการปฏิบัติธรรมโดยการไหว้พระ แล้วก็กล่าวคำว่า
พุทโธ เมนาโถ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
ธัมโม เมนาโถ พระธรรมเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า
สังโฆ เมนาโถ พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ซึ่งไปตรงกับหลักปฏิบัติธรรม "ธรรมนาวาวัง" ซึ่งกำลังได้รับการสนับสนุนเป็นการใหญ่จากทางคณะสงฆ์เข้าพอดี
พระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ.๗) ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม รองประธานคณะกรรมการอำนวยการ โครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ด้วยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ชอบอกชอบใจมาก สั่งบันทึกทั้งภาพเคลื่อนไหวและเสียง เพื่อส่งไปให้ท่านเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณีได้ดูว่า ทางด้านหมู่บ้านนี้ได้ทำตามแบบของ "ธรรมนาวาวัง" มาแต่ดั้งแต่เดิมแล้ว
หลักการปฏิบัติธรรมแบบนี้ ในระยะแรกพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็นำสมาทานพระกรรมฐานแบบนี้เหมือนกัน แต่ของท่านจะต่อท้ายด้วยว่า "ญาณอันใดซึ่งเป็นผลจากสมถภาวนา ญาณเหล่านั้นอันมีทิพจักขุญาณ จุตูปปาตญาณ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ อตีตังสญาณ อนาคตังสญาณ ปัจจุปปันนังสญาณ และ ยถากัมมุตาญาณ ญาณทั้งหลายเหล่านี้ จงมาบังเกิดปรากฏขึ้น ในกายทวาร ในวจีทวาร และมโนทวารของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด" ซึ่งภายหลังหลวงพ่อท่านได้ตัดให้สั้นลง จะได้ไม่ยืดเยื้อ แล้วกลายเป็นคำสมาทานกรรมฐาน อย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นและใช้อยู่ในปัจจุบันนี้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2024 เมื่อ 01:25
|