ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุสามเณรอย่างยิ่ง ในตอนแรกก็เน้นของง่ายก่อน ก็คือการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี แผนกธรรม และปริยัติสามัญ ด้วยการพระราชทานทั้งเครื่องเขียน ทั้งภัตตาหาร และงบประมาณสนับสนุนการเรียนตามโครงการทุนเล่าเรียนหลวง แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่ง ก็คือมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ปัจจุบันนี้พระองค์ท่านก็ถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสามเณรที่เข้าเรียนอยู่ทุกวัน
ตอนนี้พระองค์ท่านหันมาเน้นในเรื่องของการปฏิบัติเพิ่มขึ้นอีกด้านหนึ่ง เราท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า การพัฒนาตัวของเราเองนั้น อันดับแรกเลยต้องเรียนรู้พระปริยัติธรรมก่อน เพื่อจะได้มีแผนที่หรือแนวทางในการเดินที่ถูกต้อง ก็คือต้องไม่หลุดจากกรอบของพระไตรปิฎก
ประการที่สอง เมื่อเรียนรู้มั่นคงแล้ว มั่นใจว่าถูกต้องแล้ว ก็นำมาประพฤติปฏิบัติให้เกิดผลแก่ตนเอง เมื่อเกิดผลเป็นปฏิเวธ ก็คือผลนั้นส่งผลในด้านดีให้แก่เราโดยส่วนเดียวแล้ว จัดเป็นอัตตัตถะ ก็คือประโยชน์เฉพาะตน เมื่อเรายืนหยัดได้มั่นคงแล้วก็ต้องช่วยเหลือคนอื่นด้วย
ในปัจจุบันนี้ พระภิกษุสามเณรของเรากำลังช่วยในเรื่องของน้ำท่วมอยู่ โดยที่คนรู้น้อยมากว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขับเครื่องบินซี ๑๓๐ บรรทุกถุงยังชีพ ๕,๐๐๐ ชุดไปส่งที่ภาคเหนือด้วยพระองค์เอง แล้วยังมอบเงินส่วนพระองค์ ๒๔๐ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมทั้ง ๗ จังหวัด ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนักข่าวไปทำข่าวอะไร ? ไปทำข่าวดาราคนโน้นเตียงหัก ดาราคนนี้มีผัวใหม่ กูจะบ้า..!
เราจะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี พระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งทหารก็ตาม กลายเป็นกำลังหลักในการช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน แต่นั่นเป็นการช่วยทางกาย แก้ไขความทุกข์ทางกาย พระองค์ท่านตั้งความหวังสูงสุดไว้ ถึงขนาดแก้ไขความทุกข์ทางใจของพสกนิกรด้วย
ดังนั้น..การที่กระผม/อาตมภาพต้องสละวันหยุด เพื่อที่จะไปช่วยงานคณะสงฆ์ จึงเป็นแค่จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรค่าแก่การมองเลยด้วยซ้ำไป เมื่อเปรียบเทียบกับพระราชประสงค์อันยิ่งใหญ่ ซึ่งหวังจะพาพสกนิกรชาวไทยที่นับถือพระพุทธศาสนา ให้ปฏิบัติธรรมจนกระทั่งก่อให้เกิดประโยชน์เฉพาะตน แล้วสามารถนำตนให้พ้นจากกองทุกข์ได้
จึงขอฝากไว้เป็นภาระของเราท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาส ก็คือถ้าช่วยอะไรไม่ได้อย่าทำตัวเป็นตัวถ่วง ทำตัวเป็นตัวถ่วงก็ยังพอทน แต่อย่าทำตนเป็นมอดเป็นปลวกคอยกัดแทะพระพุทธศาสนาของเราให้เสียหาย ถ้าลักษณะอย่างนั้นอีกไม่นานท่านทั้งหลายจะโดนระบบกำจัดออกไป เหมือนอย่างกับทะเลที่ซัดเอาสิ่งโสโครกขึ้นสู่ฝั่งตามธรรมชาติไปเอง..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2024 เมื่อ 18:22
|