วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ การบิณฑบาตตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ในวันนี้ถือว่ามีความคึกคักมาก เนื่องเพราะว่าทั้งเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนวชิราลงกรณ ตลอดจนกระทั่งผู้ที่เข้าร่วมทำประชาพิจารณ์ ต่างก็ร่วมกันมาใส่บาตรก่อน
การทำประชาพิจารณ์นั้นในปัจจุบันนี้ โครงการใด ๆ ของทางราชการถ้ามีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ก็จะโดนบังคับให้ทำประชาพิจารณ์ตามกฎหมาย น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่ากระผม/อาตมภาพต้องไปงานอายุวัฒนมงคล ๗๓ ปี หลวงพ่อขวัญชัย (พระครูวิจิตรธรรมรัตน์) เจ้าอาวาสวัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี จึงไม่ได้อยู่ร่วมการทำประชาพิจารณ์ด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะมีคำถามชนิดที่ผู้ทำประชาพิจารณ์ก็คงจะตอบได้ยาก
เนื่องเพราะว่าโครงการนี้ก็คือโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่น้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งจะต้องใช้พื้นที่หลายไร่ด้วยกัน โดยที่กล่าวว่าชาวบ้านจะได้ประโยชน์ ก็คือมีพลังงานสะอาดเอาไว้ใช้ กระผม/อาตมภาพเองพอเห็นเอกสารก็ยังคิดว่า "จะใช่ตามนี้หรือ ?" เพราะว่าเขื่อนวชิราลงกรณนั้นผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ ซึ่งก็เป็นพลังงานสะอาด แล้วในขณะเดียวกัน พลังงานอื่น ๆ อย่างเช่นว่าพลังงานลม พลังงานนิวเคลียร์ก็เป็นพลังงานสะอาด การที่บอกว่าประชาชนจะได้ประโยชน์จากการใช้พลังงานสะอาดนั้นจึงไม่น่าจะใช่ ประโยชน์ของประชาชนที่แท้จริงก็คือ ควรที่จะได้รับการลดค่าไฟฟ้าลงต่างหาก ถึงจะเป็นประโยชน์ที่พวกเราสนใจใคร่รู้..!
แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเคยพาเด็ก ๆ เข้าไป เพื่อดูงานผลิตไฟฟ้าในเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ให้ข้อมูลว่า การสร้างเขื่อนวชิราลงกรณขึ้นมานั้นเพื่อประโยชน์ในการทำการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลองประมาณ ๒,๕๐๐,๐๐๐ ไร่ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจึงได้กู้เงินดอกเบี้ยต่ำจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อที่จะมาสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ
กระผม/อาตมภาพได้ยกมือถามว่า "ตกลงว่าการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ โดยมีประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตร ๒,๕๐๐,๐๐๐ ไร่นั้น น่าจะเป็นแค่ผลพลอยได้ใช่หรือไม่ ? ผลประโยชน์หลักก็คือการที่ท่านได้จำหน่ายไฟฟ้าให้กับประชาชน..! เพราะว่าถ้าหากว่าการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนไม่ใช่ผลประโยชน์หลัก ก็คงไม่มีหน่วยงานไหนที่บ้ายอมเป็นหนี้ถึง ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อที่จะมาก่อสร้างเขื่อนให้เป็นประโยชน์แก่การเกษตรของชาวบ้านอย่างเดียว" ทำเอาหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ทำสีหน้าในลักษณะ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-08-2024 เมื่อ 03:10
|