อีกส่วนหนึ่งก็คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ท่านได้กล่าวถึงคนแก่ เพราะท่านบอกว่าอายุท่านก็มากขนาดนั้นแล้ว ก็คือ ๗๐ กว่าปี ในเรื่องของการบริหารคณะสงฆ์ ก็ต้องฝากกับบรรดาเจ้าอาวาสหรือว่าเจ้าคณะตำบลรุ่นหลัง ๆ ที่จะขึ้นมาทดแทน
ท่านบอกว่าคนแก่มีลักษณะหลายอย่าง อย่างแรกก็คือใจไม่ฟู พูดง่าย ๆ ว่าไม่ยินดียินร้ายอะไรง่าย ๆ แล้ว พูดแบบไม่เกรงใจก็คือตายด้านแล้ว
อย่างที่สองก็คือดูไม่ชัด ขนาดใส่แว่นแล้วยังมองอะไรไม่ค่อยถนัด อย่างกระผม/อาตมภาพถ้าถอดแว่นก็ไม่ต้องอ่านหนังสือเลย..!
อย่างที่สามก็คือกัดไม่เข้า ฟันฟางไม่ค่อยจะเหลือแล้ว ต่อให้เป็นฟันปลอมก็ใช้ได้ไม่ถนัดเหมือนกับฟันจริง
อย่างต่อไปก็คือเบาไม่รู้ เบาในที่นี้ก็คือปัสสาวะ คนแก่บางทีปัสสาวะไหลไม่รู้ตัว เพราะว่ากล้ามเนื้อหูรูดเสื่อมบ้าง เป็นต่อมลูกหมากโตบ้าง ขาดสติบ้าง
ข้อต่อไปก็คือหูไม่ดี คนแก่แล้วเขาบอกว่า "หย่อนทั้งตัว ตึงแต่หูเท่านั้น" บางทีพูดใส่เราเสียงดังลั่นเลย เพราะคิดว่าเสียงเบาเนื่องจากว่าไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ส่วนเราตะโกนใส่หูไป ท่านบอกว่า "พูดดัง ๆ หน่อย..!"
ข้อสุดท้ายท่านบอกว่ามีเพื่อนน้อย เพราะว่าชิงตายไปตั้งแต่อายุยังน้อยกว่าบ้าง อายุมากกว่าบ้าง ถือว่าเป็นวัยวิกฤตอย่างหนึ่ง ก็คือวัยรุ่นเป็นวัยวิกฤต เพราะว่าฮอร์โมนล้นเกิน ส่วนวัยชราเป็นวัยวิกฤต เพราะว่าฮอร์โมนขาด ส่วนใหญ่แล้ววัยรุ่นกับวัยร่วงมักจะไปกันไม่ค่อยได้ เพราะว่าฝ่ายหนึ่งพลังงานล้นเกิน อีกฝ่ายหนึ่งก็หมดพลัง
ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครอยู่ในสภาพ ใจไม่ฟู ดูไม่ชัด กัดไม่เข้า เบาไม่รู้ หูไม่ดี มีเพื่อนน้อย ให้รู้ตัวไว้ว่าแก่ได้ที่แล้ว ตั้งหน้าตั้งตาถือศีลภาวนาได้แล้ว ไม่เช่นนั้นก็อาจจะตายฟรี ไม่มีความดีอะไรติดตัวเลย ดีไม่ดีมีเสียงถามว่า "เจ้าเป็นอะไรตาย ?" ยังเถียงอีกว่า "อย่ามาอำกันนะ..!"
เรื่องพวกนี้ถือว่าเป็นข้อคิดอย่างหนึ่ง ที่พระมหาเถระมากประสบการณ์ท่านเล่าเอาไว้ในงานประชุม พวกเราเองให้เก็บเอาไว้พิจารณาตัวเอง อย่าไป "หลงวัย" ว่าเรายังอายุน้อยอยู่ อย่าไป "หลงชีวิต" ว่าเรายังไม่ตาย แล้วก็อย่าไป "หลงโลก" เนื่องเพราะว่าโลกมีแต่ความทุกข์อยู่เสมอ
วันนี้พรรคพวกเพื่อนฝูงต้องลงไปช่วยชาวบ้านทำความสะอาดบ้านกันทั้งภาคเหนือ ส่งรูปมาให้ดู เอาไม้กระดานกวาดโคลนออกจากบ้านเป็นถัง ๆ แล้วก็ช่วยกันล้างช่วยกันถู ไม่รู้เหมือนกันว่านักการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นไปไหนหมด เห็นแต่รูปพระเณร เห็นแต่รูปทหาร เห็นแต่ของพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นักการเมืองก็เหลือแต่นายกรัฐมนตรีหญิงคนล่าสุดของเรา ที่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็มีแต่เสียงด่ามารอบทิศ ล้วนแล้วแต่วิตกจริตเกินตายทั้งนั้น..! ก็คือใครเขาขึ้นมารับตำแหน่งก็ปล่อยให้เขาแสดงฝีมือไปก่อน ไม่ใช่กูด่าเอาไว้ก่อน ไอ้การที่ไปคิดว่า คาดว่า ใครก็พูดได้ ไอ้การเป็นคนดู วิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็ได้ ปล่อยให้ขึ้นเวทีไปต่อยมวยเองไม่เห็นจะเป็นเรื่องสักราย..! ใครเขามาตามระบอบก็ให้โอกาสเขาทำงานดูก่อน ถ้าไม่ดีจริง คราวหน้าเราก็เลือกคนใหม่ ระบบของเขาก็มีอยู่แล้ว
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2024 เมื่อ 03:01
|