คราวนี้สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ตลอดจนแสดงปฐมเทศนานั้น อันดับแรก ถ้าหากว่าเราไปกราบไหว้บูชา สิ่งที่จะได้ก็คือการปฏิบัติกรรมฐานกองที่ใหญ่ที่สุด ก็คือพุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ แล้วท่านไปกล่าวว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลย..!
ประการที่สอง เรื่องนี้บางท่านสัมผัสได้ บางท่านสัมผัสไม่ได้ คือสถานที่ซึ่งมีพระอรหันต์ท่านบรรลุมรรคบรรลุผลที่นั่น โดยเฉพาะจอมพระอรหันต์อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พลังงานความดีที่หลงเหลืออยู่บริเวณนั้นสูงมากเป็นพิเศษ ใครตั้งใจไปปฏิบัติธรรมที่ตรงนั้น แทบจะไม่ต้องควบคุมจิตของตนเองเลย
เพราะว่ากระแสพลังงานที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าเหล่าพระอรหันต์ท่านทิ้งเอาไว้ จะโยงจิตของเราให้เข้าถึงสมาธิได้รวดเร็วมาก จิตสงบลงได้มาก และอาจจะสงบลงทันทีทันใดเลยก็ได้ แล้วหลังจากนั้น เราจะใช้ความสงบระงับนั้นไปก่อให้เกิดปัญญาเพื่อพิจารณาธรรมอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเราเอง
ในเมื่อท่านเองไปกล่าวเพราะอาศัยคำสวดที่บอกว่า มนุษย์เป็นจำนวนมากเมื่อขาดที่พึ่ง ก็วิ่งไปหาต้นไม้บ้าง ภูเขาบ้าง เจดีย์บ้าง กราบไหว้บูชาเพื่อขอเป็นที่ระลึก นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม ไม่ใช่ที่พึ่งอันอุดม หากแต่การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ต่างหากจึงเป็นที่พึ่งอันเกษม เป็นที่พึ่งอันอุดม
ท่านเองไปเอาท่อนแรกมา แล้วก็บอกกล่าวแก่ผู้ติดตามของท่าน โดยที่ไม่ได้ดูท่อนต่อไปว่าสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้นั้น ก็เพื่อให้กำลังใจของคนได้มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่ระลึกถึง เป็นเครื่องยึด
เมื่อได้ฟังท่านกล่าวแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกสงสารมาก เพราะพบมามากต่อมากด้วยกันแล้วว่า บุคคลที่กล่าวตู่พระพุทธเจ้า ตำหนิพระพุทธ ตำหนิพระธรรม ตำหนิพระสงฆ์ โดยปราศจากความยั้งคิด ในภายหลังต้องได้รับทุกข์รับโทษอย่างไร..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2024 เมื่อ 02:49
|