ในเมื่อสามารถที่จะให้รายละเอียด ตลอดจนกระทั่งสีสันของใบอ่อนใบแก่ของต้นไม้ได้ ก็ทำให้สามารถที่จะเห็นภาพพระ และรายละเอียดต่าง ๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น สามารถอธิบายขยายความได้มากขึ้น ครั้นเมื่อมาพบกับบรรดาพรหมเทวดา หรือว่าครูบาอาจารย์ จึงสามารถให้รายละเอียดได้มาก แต่ก็ต้องเข้าใจว่ามีการซ้อมหนักต่อเนื่องกันมาเป็นสิบ ๆ ปี ไม่ใช่ว่าฝึกปุบปับแล้วก็จะทำได้แบบนั้นเลย
ดังนั้น ในเรื่องนี้ถ้าหากว่าใครศึกษามา ก็ขอให้ท่านทั้งหลายหมั่นขยันซักซ้อมเอาไว้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะกลายเป็นอย่างที่โบราณว่า "เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี ห้าวันอักขระหนี เนิ่นช้า ฯ" อยู่ในลักษณะของอาวุธที่ถูกสนิมกิน ถึงเวลาจะใช้งาน บางทีชักออกจากฝักยังไม่ได้เลย..!
เรื่องของกรรมฐาน เรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงเป็นเรื่องที่สำคัญตรงที่ว่า ต้องมีการกระทำที่จดจ่อต่อเนื่องตามกันอยู่ตลอด สามารถทรงอารมณ์ได้โดยไม่พลาดเลยทั้งวันยิ่งดี เพราะว่าสภาพจิตของเรายิ่งนิ่งยิ่งสงบ ก็จะยิ่งเห็นชัดว่าสภาพร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเราเลย เพราะว่าถึงเวลาถอดจิตออกไป ร่างกายก็เหมือนกับผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ กองหนึ่ง ในเมื่อสภาพจิตไม่เห็นความดีความงาม ไม่ยึดเกาะในร่างกาย ไม่ว่าจะไปภพไหนภูมิไหน ก็สามารถที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะว่าปราศจากความยึดติดห่วงหาอาลัยแล้ว
ความสว่างชัดเจนอีกประการหนึ่งมาจากการที่บารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ ลูกศิษย์ที่ฝึกทางสายนี้จงอย่าลืมเป็นอันขาด ในการกราบขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ ไม่เช่นนั้นบางท่านก็มืด ๆ มัว ๆ เหมือนอย่างกับมองวัตถุในเวลากลางคืน ท้ายที่สุดขาดการซักซ้อม ก็ไม่สามารถที่จะรู้เห็นอะไรได้อีก ทั้ง ๆ ที่ของดีมีอยู่ แต่ว่าทิ้งให้หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย..!
จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2024 เมื่อ 02:12
|