ด้วยความที่ใช้ดาบพลทหารที่บางเบา ไม่ได้หนาหนักเหมือนดาบแม่ทัพ เนื่องเพราะว่าพลทหารนั้นกำลังน้อยกว่า ไม่สามารถจะใช้ดาบที่ทั้งหนาทั้งหนักได้ เมื่อไปรับดาบที่นายกองพม่าฟันพระยาศรีสิทธิสงครามทางด้านหลังจึงทำให้ดาบหัก ท่านเองก็ช่วยเหลือเพื่อนโดยที่ลืมไปว่า บรรดาเพื่อนฝูงก็ล้วนแล้วแต่หนังเหนียวกันทั้งนั้น พอดีพระยาตากท่านเปิดค่ายยกทัพใหญ่ออกมา ทำให้กองทัพพม่าโดนกระหน่ำตีจนแตกพ่ายไป
งานนี้ต้องบอกว่านายกองทั้งสิบของพระยาตากนั้นเข้าสู้ศึกโดยพร้อมหน้ากัน ดูภาพในนิมิตแล้วกระผม/อาตมภาพก็ขำ เพราะว่าพระยาตากชี้หน้าคาดโทษทุกคนที่คุกเข่าก้มหน้าอยู่ว่า "ถ้างานนี้แพ้พม่า กูตัดหัวหมดทุกคน..!" แล้วก็โปรดให้อภัย ซึ่งเรื่องนี้นั้นไม่ได้มีในบันทึกประวัติศาสตร์ แต่เมื่อเล่าถวายไป พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านยืนยันว่าเป็นความจริง ทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาเรื่อย ๆ ว่าในเรื่องของมโนมยิทธินั้น สามารถรู้เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง
หลังจากนั้น กระผม/อาตมภาพก็ซักซ้อมต่อเนื่องกันมาทุกวัน มีการทดสอบอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบในลักษณะที่ว่า "จะเจอกับใคร ? จะเจอเหตุการณ์อะไร ?" หรือว่าทดสอบด้วยการส่งจิตออกไปข้างนอก ค่อย ๆ ดูสิ่งต่าง ๆ ในบริเวณรอบบ้าน ตลอดจนกระทั่งเดินเลาะเข้าไปในซอยของบ้าน ตอนแรกเราจดจำได้ก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นจริงหรือไม่ ? แต่เมื่อเดินเลยไปในบริเวณที่ตนเองไม่มั่นใจว่าจะจดจำได้ แล้วเห็นภาพเห็นสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะบรรดาป้ายชื่อร้าน หรือว่าป้ายโฆษณา ก็จดจำเอาไว้ แล้วรุ่งขึ้นก็ไปพิสูจน์ทราบ ซึ่งปรากฏว่าถูกต้องตรงตามนั้น
ในการทดสอบนั้น บางทีก็ต้องอาศัยกำลังสมาธิที่สูงสักหน่อย เนื่องจากว่าบางครั้งก็ทดสอบกันที่บริเวณหน้าวัดท่าซุง อย่างเช่นว่า "รถที่วิ่งมาสีอะไร ? มีคนนั่งมากี่คน ? ผู้หญิงกี่คน ? ผู้ชายกี่คน ? ทะเบียนรถคืออะไร ?" เมื่อตอบได้ถูกต้อง บรรดาน้อง ๆ และเพื่อนฝูงที่คอยเชียร์อยู่ ก็ตบมือเฮกันสนั่น ถ้าสมาธิไม่ดีพอ ก็ได้พังบรรลัยกันหมดในตรงนั้นเอง..!
ด้วยความหน้าด้าน กล้าสู้ครู ไม่เกรงการทดสอบ เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ปีแล้วปีเล่า ท้ายที่สุด ๑๐ กว่าปีหลังจากนั้นมา มีอยู่วันหนึ่งมองไปด้วยสภาพจิตของตนแล้ว สามารถแยกต้นไม้ได้ว่า ใบอ่อนใบแก่นั้นต่างกันอย่างไร ? ทำให้รู้สึกดีใจมาก เนื่องเพราะว่าสมัยก่อนนั้น ได้เห็นก็เป็นแค่รูปต้นไม้เท่านั้น ไม่สามารถที่จะแยกแยะได้ว่าลักษณะรายละเอียดเป็นอย่างไร
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2024 เมื่อ 02:09
|