พูดไปแล้ว สำหรับบุคคลที่ฟังผ่านหูไปเฉย ๆ ก็เหมือนกับใช่ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ท่านทั้งหลายลองไปศึกษาในมหากัมมวิภังคสูตรดูก็ได้ ว่าบุคคลนอกพระศาสนา ผู้สามารถทรงสมาธิ ทำให้จิตเหือดแห้งจากกามได้ ถ้าเราทำบุญด้วยมีอานิสงส์มากกว่าบุคคลทั่วไปเป็นแสนเท่า ก็แปลว่าสมาธินั้นมีคุณค่าอย่างมาก
เพียงแต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านำมาปรับให้พอเหมาะพอดีแก่การใช้งาน ไม่ได้เน้นสมาธิเพียงด้านเดียว เนื่องเพราะว่าพระองค์ท่านทรงใช้ศีล สมาธิ และปัญญา ประกอบเข้าหากันอย่างพอเหมาะพอดี จึงบังเกิดเป็นทางสายกลางที่ถูกต้องขึ้นมา
ในเรื่องของสมาธินั้น คุณค่าใหญ่ก็คือสามารถที่จะระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ลงได้ชั่วคราว เมื่อจิตของเราสงบจาก รัก โลภ โกรธ หลงแล้ว ก็ทำให้เกิดความผ่องใสขึ้น ปัญญาก็สามารถที่จะมองเห็นอะไรได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น ถ้าเปรียบไปแล้วก็คือว่าสมถกรรมฐาน หรือว่าสมาธินั้น เปรียบเหมือนการสร้างกำลังให้กับตนเอง
วิปัสสนากรรมฐานหรือว่าปัญญานั้น เป็นอาวุธที่มีความคมกล้า ถ้าเราไม่มีกำลัง ก็ไม่สามารถที่จะยกอาวุธขึ้นตัดฟันอะไรได้ หรือถ้าเรามีแต่กำลัง แต่ปราศจากอาวุธ ก็ไม่สามารถที่จะตัดอะไรให้ขาดไปได้เช่นกัน
ยกเว้นว่าท่านมีอายุขัยที่ยืนยาวและมีกำลังสมาธิที่สูงสุดจริง ๆ สามารถกดกิเลสให้นิ่งสนิทได้ในระยะเวลาที่ยาวนานพอ จนกระทั่งสามารถทำให้กิเลสนั้นตายไปจากใจของท่านได้ ก็จะบรรลุโดยอาการที่เรียกว่าเจโตวิมุติ ก็คือ บรรลุด้วยการใช้กำลังใจในการกดกิเลส เหมือนอย่างกับการใช้หินทับหญ้า ถ้าหากว่าทับได้เนิ่นนานพอ หญ้าก็สามารถที่จะตายได้
ในขณะเดียวกัน ในเรื่องของปัญญาวิมุตินั้น ก็คือการที่เราตัดรากถอนโคนหญ้านั้นเลย ก็ทำให้หญ้านั้นสามารถที่จะตายลงไปได้เช่นกัน แต่ถ้าเรามีทั้งอาวุธ มีทั้งกำลัง จะตัดจะโค่นอะไรก็สะดวกสบายมากขึ้นหลายเท่า
บุคคลที่บอกว่าใช้แค่อุปจารสมาธิ หรือว่าใช้แค่ขณิกสมาธินั้น เมื่อถึงเวลาปฏิบัติธรรมแล้ว ท่านทั้งหลายก็จะพบกับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่ากำลังไม่เพียงพอที่จะกดกิเลสให้สงบลงได้ชั่วคราว ก็จะโดนกิเลสกระหน่ำตีอยู่เสมอ ทำให้บุคคลที่ปฏิบัติสายนี้พบแต่ความทุกข์ความทรมานอยู่ตลอดเวลา จนหลายต่อหลายท่านก็เข็ดไป หรือจนกระทั่งหลายท่านสามารถที่จะทรงสมาธิได้ แต่ไม่บอกกับครูบาอาจารย์ เนื่องเพราะเห็นประโยชน์ว่าสมาธิสามารถระงับกิเลสได้ในเบื้องต้น
บางทีท่านก็จะยกตัวอย่างว่า ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งบวชตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี ค่อย ๆ พิจารณาด้วยกำลังของอุปจารสมาธิ รู้เท่าทันกิเลสอยู่ตลอดเวลา จดจ่อต่อเนื่องอยู่ไม่ขาดสาย จนกระทั่งอายุ ๘๐ ปีก็สามารถที่จะบรรลุอรหัตผล เป็นอริยบุคคลสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2024 เมื่อ 01:17
|