แต่ก็ยังดีกว่าสมัยที่ประเทศเขมรแตกใหม่ ๆ ผู้คนอพยพหนีภัยสงครามเข้ามาฝั่งไทย รุ่นพี่ที่ไปอยู่ประจำการก่อนเขาเล่าให้ฟังว่า "พลอยดิบ ๑ กระป๋องนม แลกข้าวสารได้ ๑ กระป๋องนม" ก็คือจะไปคิดเป็นราคาพลอยดิบเหมือนอย่างเวลาปกติไม่ได้ ต่อให้เรามีติดตัวมาแล้วคิดเป็นมูลค่าเท่าไรก็ตาม ถึงเวลานั้นของกินสำคัญที่สุด จึงต้องเอามาแลกของกินก่อน
แม้กระทั่งปัจจุบันนี้บรรดาพี่น้องมอญ พม่า กะเหรี่ยง ที่หนีภัยสงครามมาอยู่ตามตะเข็บชายแดน ก็ต้องอาศัยคนไทยช่วยเหลือ เมื่ออาทิตย์ก่อนทางด้านกลุ่มเยาวชนมอญกรุงเทพฯ ก็มาขอเสบียงจากวัดท่าขนุน เพื่อเอาไปมอบให้กับญาติพี่น้องของตนเองที่หนีภัยสงครามมาที่บ้านฮะร็อกคานี
ยิ่งสภาวะของประเทศชาติหรือว่าของโลกยากลำบากเท่าไร สิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดยิ่งมากเท่านั้น บางทีคนเรียนเก่งแต่ว่าปรับตัวไม่เป็นก็เอาตัวไม่รอด คนเรียนไม่เก่ง แต่รู้ว่าอะไรในป่ากินได้ จะเอาตัวรอดได้ง่ายกว่า
จึงเป็นเรื่องที่อยากจะฝากเด็ก ๆ ทั้งหลายเป็นข้อคิดว่า รุ่นเราแค่เรียนอย่าคิดว่าลำบาก รุ่นพ่อรุ่นแม่ต้องเสี่ยงทั้งชีวิต เสี่ยงทั้งกฎหมาย ดิ้นรนเพื่อให้อยู่ประเทศไทยได้ พวกเราแค่มีหน้าที่เรียนอย่าเพิ่งไปท้อ พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ไม่ใช่สักแต่ว่าเรียนให้ผ่านไปเป็นวัน ๆ
เรียนแล้วต้องรู้ รู้แล้วต้องบอกต่อคนอื่นได้ รู้แล้วต้องนำไปใช้งานจริงได้ด้วย ถึงจะเรียกว่าเรียนแล้วประสบความสำเร็จ ไม่อย่างนั้นแล้วถึงเวลาลำบากขึ้นมา เราไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ก็จะตกอยู่ในสภาพที่เอาตัวไม่รอดอย่างน่าเวทนาสงสาร..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๙ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2024 เมื่อ 02:51
|