ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 04-08-2024, 22:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,955
ได้ให้อนุโมทนา: 159,259
ได้รับอนุโมทนา 4,500,079 ครั้ง ใน 36,566 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันพระแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งวันพระในช่วงเข้าพรรษานั้น ทางวัดท่าขนุนจัดให้มีการแสดงพระธรรมเทศนาทั้งรอบเช้าและรอบค่ำ เช้านี้เป็นหน้าที่ของพระปัญจทรัพย์ กนฺตธมฺโม ซึ่งท่านขอย้ายมาจากวัดทุ่งกระถิน จังหวัดชัยนาท เพื่อที่จะมาอยู่เรียนหนังสือที่วัดท่าขนุน แต่ด้วยความที่ท่านเป็นนักวิชาการ ไม่เข้าใจระบบธรรมเนียมวิธีการเทศน์ ท่านจึงประกาศขอโอกาสพระเถรานุเถระ ประกาศชื่อฉายาของตนเอง ขอโอกาสในการแสดงพระธรรมเทศนาครั้งนี้ ซึ่งไม่ใช่ธรรมเนียมในการแสดงพระธรรมเทศนา

การประกาศตัวตนและขอโอกาสพระเถรานุเถระนั้น เป็นธรรมเนียมในการแสดงปาฐกถา หรือว่าบรรยายธรรมทั่วไป แต่ถ้าหากว่าแสดงพระธรรมเทศนาอย่างเป็นทางการ ทางธรรมเนียมวัดท่าขนุนก็จะบอกศักราช ตั้งนะโมฯ แล้วก็ตั้งอุเทศหัวข้อที่จะแสดงธรรมในภาษาบาลี จากนั้นก็บรรยายขยายความไปเลย

แต่ว่าวันนี้ในกัณฑ์เทศน์ที่ท่านเลือกมานั้น ต้องบอกว่าคนเขียนกัณฑ์เทศน์เขียนได้มั่วสุด ๆ เนื่องเพราะคงจะเกรงว่าเนื้อหาไม่พอแสดงพระธรรมเทศนาใน ๓๐ นาที เมื่อกล่าวถึงปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธแล้วจึงมีปริหาระและปฏิสังขรณะขึ้นมาด้วย

ถ้าหากว่าท่านจะเอาในลักษณะนั้นก็จะต้องแสดงไปในแนวเดียวกัน แต่ว่าคนเขียนกัณฑ์เทศน์นั้นเขียนในลักษณะกระชากอารมณ์มาก ก็คือเรื่องของปริยัตินั้นเป็นการศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัตินั้นเป็นการนำเอาสิ่งที่เรียนมาทำให้เกิดผล ปฏิเวธคือการรับผลจากสิ่งที่ตนเองศึกษาและนำมาปฏิบัติ

แล้วท่านไปอธิบายว่าปริหาระ หรือว่าบริหารในภาษาไทยนั้น ก็คือการครองคน ครองตน ครองงาน ส่วนปฏิสังขรณะหรือว่าปฏิสังขรณ์นั้น ก็คือการพัฒนาวัดวาอารามของตน ในการที่จะซ่อมสร้างให้ดีขึ้น กระผม/อาตมภาพจึงได้แจ้งกับท่านว่า ต่อไปกัณฑ์เทศน์นี้ให้ชั่งกิโลขายไปเลย..! แล้วถ้าหากว่าใครมีชื่อเป็นผู้เขียนกัณฑ์เทศน์ ต่อไปก็อย่าได้ซื้อกัณฑ์เทศน์ที่บุคคลผู้นี้เขียนมาอีก..!

เนื่องเพราะว่าในส่วนของปริยัติก็คือการศึกษา ปฏิปัตติก็คือการนำมาทำให้เกิดผล แล้วผลของการศึกษาเล่าเรียนและนำมาปฎิบัตินั้นคือปฏิเวธะ มีปรากฏชัดอยู่ในพระพุทธศาสนา แต่บริหารหรือในภาษาบาลีคือปริหาระนั้น ตามศัพท์แปลว่า นำไปทั่ว หรือว่า นำไปรอบ ในเมื่อท่านไปถึงเรื่องของมรรคของผลแล้ว ก็จะต้องอธิบายไปแนวทางที่ว่า เราจะต้องนำเอาหลักที่เราปฏิบัติได้จนเกิดผลแล้วไปใช้งานในชีวิตจริง ไม่ใช่ไปอธิบายในลักษณะการปกครอง ครองตน ครองงาน ซึ่งเป็นการกระชากอารมณ์ผู้ฟังไปคนละทิศกับที่แสดงธรรมนำเขามาตั้งแต่ต้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2024 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา