แต่บรรดาพระนวกะเพิ่งจะบวช แล้วก็ไม่ได้บวชด้วยศรัทธา บวชตามประเพณีบ้าง บวชแก้บนบ้าง บวชด้วยเหตุผลต่าง ๆ กันไป บรรดาพระเถระทั้งหลายก็เห็นว่า "บวชมาแล้วอย่าให้เสียเปล่า" จึงจัดให้มีโครงการอบรมกรรมฐานขึ้นมา แล้วก็ไปเจอพระวิปัสสนาจารย์แบบโหดที่ว่า แล้วคิดว่าบรรดาพระนวกะจะได้ประโยชน์อะไรจากการปฏิบัติธรรม ? นอกจากมองโลกในแง่ร้าย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาทนทำเรื่องพวกนี้ด้วย
โดยเฉพาะต้องมาทนฟังสารพัดเรื่อง ที่เป็นภาษาซึ่งตนเองไม่เข้าใจ อย่างเช่นว่าอารมณ์อัพยากฤตเป็นอย่างไร ? นามรูปปริจเฉทญาณเป็นอย่างไร ? ปัจจยปริคคหญาณเป็นอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพฟังเองยังจะบ้า..!
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ที่ต้องลำบากเดินทางไปไกล ๆ ทีหนึ่ง ๒๐๐ กว่ากิโลเมตร ไปกลับก็ ๔๐๐ - ๕๐๐ กิโลเมตร ก็เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์บรรดาพระใหม่ อย่างน้อย ๆ ก็ได้แนวทางที่ถูกต้องไป ถ้ารู้จัก "เอาหูไปนาเอาตาไปไร่" พระวิปัสสนาจารย์จะสอนอย่างไร เราก็ปฏิบัติตามแนวทางที่ได้ไปก็จบแล้ว..!
ดังนั้น..บางท่านจะเห็นว่า แม้จะเปียกปอนมาจากการบิณฑบาต ถ้าไม่มาลาเรียขึ้นก็ตะคริวจะรับประทาน แต่กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบเดินทางไปหลังจากที่เปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อนเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าแต่ละอำเภอมีพระบวชใหม่ไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเขาทั้งหลายเหล่านั้นสามารถอยู่ต่อได้ ต่อให้มีสัก ๕ เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี ท่านทั้งหลายเหล่านี้เมื่อได้แนวทางที่ถูกต้องไป ปฏิบัติแล้วมีผล เกิดความเลื่อมใสศรัทธาบวชต่อขึ้นมา เราก็จะได้พระภิกษุสงฆ์เอาไว้สืบทอดพระพุทธศาสนา แต่ถ้ารำคาญแทบจะหนีกลับวัดตั้งแต่วันแรก ก็แปลว่าโครงการต่าง ๆ ที่ทุ่มเทงบประมาณลงไปนั้น ทำไปก็ไร้ประโยชน์ แถมยังทำให้เขามองในแง่ร้ายอีกด้วย..!
เรื่องพวกนี้ถ้ามีโอกาส กระผม/อาตมภาพก็จะพูดในที่สัมมนา หรือว่าได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายก็จะกล่าวถึงเสมอ แต่ว่ากระทบกระทั่งผู้อื่น บางครั้งลงมากราบพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ ว่าขออภัยที่พูดแรงแล้วกระเทือนถึง ท่านบอกว่า "มึงรู้จริงก็พูดไป แต่อย่าให้กระเทือนเจ้านายมากนัก"
จะว่าไปแล้ว ผู้บังคับบัญชาอย่างหลวงพ่อเจ้าคุณแย้มท่านไม่ได้หาง่าย ๆ ก็คือทำอะไรกระทบกระเทือน ท่านโกรธท่านก็ด่าตรงนั้นแล้วก็จบเลย ไม่มีการมาอาฆาตแค้นกัน ลงมาขอขมาตรงนั้นก็เป็นอันว่าจบกัน ไอ้ที่มึงด่ากูก็ "เจ๊า" กันไป ถ้ามีผู้บังคับบัญชาระดับนี้ กระผม/อาตมภาพก็ยังพอที่จะสร้างประโยชน์ให้กับคณะสงฆ์ในเรื่องปฏิบัติธรรมได้อีกมาก แต่ถ้าเปลี่ยนตัวเมื่อไร ก็ไม่รู้ว่าจะโดน "แป้ก" ถอดออกจากตำแหน่งเมื่อไร..?!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๓๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2024 เมื่อ 01:58
|