ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วบางทีก็เป็นส่วนของอจินไตย คือเรื่องที่ไม่ควรคิด ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่ามีอะไรบ้าง ก็คือ
๑) พุทธวิสัย ความสามารถของพระพุทธเจ้า ต่อให้โคตรซูเปอร์คอมพิวเตอร์อย่าง "เทียนกง" ก็ไม่สามารถที่จะไล่ตามพระองค์ท่านได้ทัน
๒) ฌานวิสัย ความสามารถของผู้ทรงฌาน ทรงอภิญญาสมาบัติ สามารถทำในสิ่งที่เกินความสามารถของบุคคล ที่เรียกว่าอุตริมนุสธรรม ถ้าเราทำไม่ถึง เดาให้ตายก็เดาไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ?
๓) กรรมวิบาก การส่งผลของกรรม ทำไมถึงพิลึกพิลั่นขนาดนั้น แค่ในเรื่อง "แฝดสยาม" อย่างเดียว กระผม/อาตมภาพเคยสงสัยว่ามันเกิดมาได้อย่างไร ปรากฏว่าได้รับคำอธิบายว่า เกิดจากคำอธิษฐานที่ว่า "เกิดชาติหน้าจะไม่พรากจากกัน" เจริญมาก..!
และท้ายที่สุด ๔) โลกจินไตย ความเป็นไปของโลก มีใครจะนึกบ้างว่า ถ้าหากว่าเป็น ๕๐ ปีที่แล้ว เราบอกว่า "เราอยู่มุมไหนของโลกสามารถคุยกันโดยเห็นหน้าได้" สมัยนั้นใครพูดแบบนี้ เขาก็ต้องบอกว่าบ้า..!
แล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรุปว่า ผู้ที่คิดเรื่องทั้งหลายเหล่านี้พึงมีส่วนของความเป็นบ้า ท่านใช้คำว่าอุมมัตตกภาโค
ก็ในเมื่อคนที่เขาขยันคิดแล้วมีส่วนของความเป็นบ้า เราก็ไม่ควรที่จะไปบ้าตามเขา ตั้งหน้าตั้งตารับเอาพระธรรมมาแล้วก็ปฏิบัติตามไป เพราะว่าถ้าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่เป็นความจริง ไม่ดีจริง ครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติแล้วบรรลุมรรคผล ก็มีมากมายเป็นพยานอยู่ เสียเวลาที่เราจะไปสงสัย ตั้งใจทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองเป็นดีที่สุด
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2024 เมื่อ 03:02
|