ดูแบบคำตอบเดียว
  #722  
เก่า 28-07-2024, 06:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,467 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จิตแพทย์หมดทางเยียวยา

"ความอยากนั่นละ อยากนั้นอยากนี้ อยากคิด อยากปรุง อยากแต่ง อยากรู้ อยากเห็น อยากได้นั้นได้นี้ อยาก ๆ ๆ ตลอด นี่ตัวมันกวนใจ ภาวนาสติจับปุ๊บเข้าไปตรงนั้น มันจะกวนไปไหน จะสงบลง ๆ สติเข้าตรงไหนสงบตรงนั้น ไม่มีสติแล้วก็เลยเถิดเตลิดเปิดเปิง..เป็นบ้าได้เลย..!

อย่างที่เราเห็นคนบ้าอยู่ตามสี่แยกไฟเขียวไฟแดง เราไปเห็นด้วยตาเนื้อของเรา รถจะชนกันเพราะหลีกคนบ้าอยู่ในสี่แยกไฟแดง มันทำเฉยนะ หยิบนั้นหยิบนี้ใส่นั้น หยิบอันนี้ออก หยิบอันนั้นเข้า เฉยไม่สนใจกับใคร ก็เราเห็นเองนี่ รถที่หลีกคนนี้หลีกกันไปหลีกกันมาก็จะชนกันซิ..! รถเลยจะเป็นจะตายกับคน พอดีเราก็ไปเจอนั้นด้วย เราก็ได้ดู อ๋อ..นี่ไม่สนใจกับใครเลยนะ รถที่วิ่งขวักไขว่หลีกกันหลบกัน ทั้งจะชนคน ทั้งจะชนกันไม่ได้เรื่องอะไร ยุ่งเราก็ดู โอ้..เป็นอย่างนี้

ทีนี้ก็เอามาพิจารณา นี่ละคือความเคลื่อนไหวไปมา นี้คือคนเป็นมีชิวิตอยู่ ความรู้มีอยู่กับใจ แต่ไม่มีสติเครื่องรับผิดชอบในตัวเอง มันอยากทำอะไรก็ทำ นี่ละ..มีแต่จิตล้วน ๆ อยากทำอะไรก็ทำ เหมือนไส้เดือนบุ้งกือ มันคืบคลานของมันไป ไม่ใช่ไม่มีความรู้ มันมีความรู้แต่ไม่มีสติ ไม่มีปัญญาเครื่องรักษาตัว มันก็เป็นไปแบบนั้น

คนเราเมื่อไม่มีสติเครื่องควบคุมตัวเองรับผิดชอบตัวเองแล้ว ก็เหมือนคนบ้าที่อยู่ในสี่แยกไฟเขียวไฟแดง อยากทำอะไรก็ทำ..เฉย คนอื่นจะเป็นจะตาย..รถมา ตอนนั้นตำรวจไม่มี

นี่ละเรื่องมีแต่ความรู้อย่างเดียว ไม่มีสติรับผิดชอบเป็นได้อย่างนั้น นั่นละมีแต่ความรู้เป็นอย่างนั้น คือความรู้อันนี้มันมีกิเลสตัวสำคัญที่เรียกว่าอวิชชาครอบอยู่นั้น สติปัญญาที่จะควบคุม คอยรับผิดชอบแก้ไขกันไม่มี มันก็ปล่อยตามเรื่อง ไปไหนก็ไป มีตีความรู้ไม่ทราบว่าผิดไม่ทราบว่าถูก ไม่ทราบว่าควรไม่ควร

สิ่งที่จะให้ทราบเหล่านี้คือสติคือปัญญารับผิดชอบในตัวเอง แล้วก็รู้เรื่องคนอื่นคนใดได้เหมือนเรารู้เรื่องของเรา ถ้าไม่มีสติหรือปัญญาเสียอย่างเดียว ตัวเองก็ไม่รู้เรื่องของตัวเอง คนอื่นก็ไม่รู้เรื่องของเขา อยากจะทำอะไรก็ทำไปตามความรู้สึก โดยมีอันหนึ่งดันให้อยากทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีความรับผิดชอบคือสติ

นักภาวนาพิจารณานะ นี่เราพูดเรื่องสติทั่ว ๆ ไป จิตทั่ว ๆ ไป ถ้าเป็นจิตของนักภาวนาต้องแหลมคมตลอด แย็บ ๆ รู้ ๆ แล้วปัญญาสอดแทรก มองพั้บรู้พั้บ ทะลุปิ๊ง ๆ นั่นละสติปัญญาที่เข้าเป็นธรรมแท่งเดียวกับใจด้วยแล้วเป็นอย่างนั้น ที่มาร
จะพูด อย่างโลกนี้พูดไม่ได้นะ มันไม่เหมือนโลก โลกมันเป็นโลกสมมุติ อันนั้นแม้แต่อยู่ในขันธ์ธรรมชาตินั้นเป็นวิมุติแล้ว แสดงลวดลายของวิมุติอยู่ตลอดเวลาในธรรมชาติของตนเองที่บริสุทธิ์นั้น นี้ขันธ์ก็เป็นของขันธ์ ต่างกันนะ.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2024 เมื่อ 13:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 10 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
กมลโกศลจิต​ (28-07-2024), ชุณหพงศ์ (29-07-2024), ต้นบุญ (31-07-2024), ปราโมทย์ (28-07-2024), พี่เสือ (28-07-2024), พุทธภูมิ (28-07-2024), มารวย๙ (28-07-2024), สุธรรม (28-07-2024)