สาเหตุส่วนใหญ่ก็คือ นอกจากเราจะหาข้อผิดพลาดของตนเองเพื่อแก้ไขไม่ได้แล้ว การปฏิบัติธรรมของเรา เรายังปฏิบัติแค่ตอนอยู่ในบัลลังก์เท่านั้น ไม่ว่าจะนั่ง หรือยืน หรือเดิน พอถึงเวลาพระวิปัสสนาจารย์นำอุทิศส่วนกุศลเสร็จสรรพ ปัดตูดลุกขึ้นได้กูก็ทิ้งกองไว้ตรงนั้นหมด..! ไม่มีการรักษากำลังใจของตนเองให้อยู่กับเราเลย
เหมือนอย่างกับว่าการปฏิบัติธรรมเป็นการว่ายทวนน้ำ พอถึงเวลาเลิก เราก็ทิ้งปล่อยลอยตามน้ำไปเป็นปลาหมอคางดำ พอถึงเวลาปฏิบัติธรรมใหม่ก็ว่ายกลับมาใหม่ ขยันเป็นบ้า..! ทำงานทุกวันแต่หาผลงานไม่ได้เลย เพราะว่าถึงเวลาก็ลอยไปไกล วันไหนเหนื่อย ว่ายกลับมาได้ไม่เท่าเดิมก็ขาดทุนอีกต่างหาก
นักปฏิบัติธรรมที่ดีจึงต้องปฏิบัติธรรมอยู่ทุกอิริยาบถ ทุกเวลา ทุกนาที ตอนนั่งนิ่ง ๆ อยู่ทำได้ดีเท่าไร เมื่อไปปฏิบัติหน้าที่อื่นต้องรักษาอารมณ์ใจนั้นให้ได้ด้วย ใหม่ ๆ นาที ๒ นาทีก็พังหมดแล้ว..! ก็เหลืออยู่แค่ว่าเราจะมีความเพียรพยามยามประคับประคองสักเท่าไร ถ้าความเพียรสูงก็เพิ่มระยะเวลามากขึ้นได้ กลายเป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ครึ่งชั่วโมง ๑ ชั่วโมง ฯลฯ
สภาพจิตที่ทรงอารมณ์ภาวนาได้นั้นจะปราศจากกิเลสชั่วคราว เราจะมีแต่ความเบาความสบาย สติก็แหลมคม ปัญญาก็ว่องไวก็จะต้องรีบเร่งพยายามหาทางประคับประคองเอาไว้ให้ได้ เพราะว่าอารมณ์ใจนี้มีแต่ส่วนดีเท่านั้น จนกระทั่งได้นานเป็นเดือนเป็นปี ปัญญาท่านก็จะยิ่งแก่กล้า เห็นกระทั่งความไม่เที่ยงในการปฏิบัติธรรม กำลังใจของเราก็จะเกิดเบื่อหน่าย ถอนจากการยึดการเกาะออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่ยึดเกาะอะไร ก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-04-2025 เมื่อ 00:16
|