คราวนี้..การที่พระสงฆ์ของเราอยู่จำพรรษานั้น ถ้ามีเรื่องเร่งด่วน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ว่า ถ้าเป็นกรณีเร่งด่วนพิเศษ ให้สามารถที่จะลาไปเพื่อกิจต่าง ๆ ได้ โดยไม่ขาดพรรษา เรียกว่า "สัตตาหะกรณียะ" คือ มีกิจจำเป็นสามารถไปได้ไม่เกิน ๗ คืน โดยที่บอกกล่าวต่อสงฆ์ เมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็ไปได้
เรื่องสำคัญที่ระบุเอาไว้ก็มีว่า..
พ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย สามารถที่จะลาไปเพื่อดูแลรักษาได้ แต่ต้องไม่เกิน ๗ วัน
วัดพัง..ต้องไปหาทัพพสัมภาระมาเพื่อซ่อมวัดสร้างวัด สามารถไปได้ไม่เกิน ๗ วัน
เนื่องเพราะว่าสมัยก่อนถ้าเกิดพายุฝนขึ้นมา บางทีกุฏิก็โดนพังไปเสียทั้งหลัง จำเป็นต้องไปหาไม้ หาแฝก หาเถาวัลย์มา เพื่อซ่อมเพื่อสร้างกุฏิ แต่ว่าสมัยนี้ข้อนี้ไม่มีความจำเป็นแล้ว เพราะว่าเราต้องการวัสดุก่อสร้างอะไร ยกหูโทรศัพท์โทรกริ๊งเดียว เขาก็มาส่งให้ถึงวัด
ข้อต่อไปก็คือ ได้รับกิจนิมนต์ สามารถไปเพื่อเจริญศรัทธาได้
ถ้าหากว่ามีทายกนิมนต์ เราก็สามารถที่จะไปได้ แต่ว่าสมัยก่อนนั้นการไปไม่ใช่ใกล้ ๆ แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นการเดินเท้า ไม่สามารถที่จะกลับได้ภายในวันเดียว จึงต้องลาไปโดยสัตตาหะกรณียะ กลับมาก่อนที่คืนที่ ๗ จะผ่านพ้นไป
อีกประการหนึ่งก็คือ เพื่อนสหธรรมิกที่อยู่ต่างวัดจะสึก ไปเพื่อห้ามปรามได้
แต่ว่าข้อนี้..หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านวินิจฉัยเอาไว้ว่า ในพระไตรปิฎกนั้นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นว่า พระภิกษุรูปนั้นถ้าอยู่ต่อจะสามารถบรรลุอรหัตผล องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงให้พระภิกษุไปเพื่อห้ามปรามเอาไว้ แต่ว่า..สมัยนี้โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคถึงผลเป็นของยาก ถ้าเพื่อนพระที่อยู่ต่างวัดจะสึก เราใช้โทรศัพท์ไปห้ามปรามก็ได้ ถ้าไม่ฟังขึ้นมาจริง ๆ ก็ปล่อยท่านสึกไปเถิด
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2024 เมื่อ 11:17
|