วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ บรรดานาคที่สมัครเพื่ออุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๗๒ พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสเจริญพระชนมายุ ๙๒ พรรษา จากยอดที่สมัครมา ๒๓ ท่านด้วยกัน รอบแรกผ่านไปเหลือ ๑๙ ท่าน ปัจจุบันนี้เหลือแค่ ๑๖ ท่านทั้งหลายจะเห็นว่าจาก ๑๙ มา ๑๖ นั้นมีบางคนหนีกลับไปเฉย ๆ..!
หลายท่านเป็นบุคคลที่ตั้งใจจะทำความดีแต่ทนลำบากไม่ได้ เราท่านต้องเข้าใจว่าในโอวาทปาฏิโมกข์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ประโยคแรกเลยก็คือ ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกขา ขันติคือความอดทนอดกลั้นนั้น จึงจัดว่าเป็นตบะที่แท้จริง ของเราแค่กินน้อยนอนน้อยหน่อยเดียว เตลิดเปิดเปิงไม่ยอมสู้กิเลสแล้ว เมื่อไปพูดถึงการที่เราปฏิบัติธรรมด้วยการเอาชีวิตเข้าแลก คิดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ? ก็ย่อมไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย เพราะว่าเราพร้อมที่จะถอนตัวอยู่ตลอดเวลาเมื่อเจอความลำบาก
ส่วนหลายท่านก็บวชแล้วบวชอีก ประมาณว่าเก็บคะแนนไปเรื่อย อยากจะบอกว่าท่านทั้งหลายทำถูกแต่ผิด..! เนื่องเพราะว่ากำลังใจของเราพร้อมที่จะสึกอยู่ตลอดเวลา แล้วจะเอากำลังใจที่ไหนไปสู้กิเลส ? ประมาณว่าเปิดโอกาส ๓๖๐ องศา มีปัญหาเมื่อไรกูเผ่นทันที ประเภทนี้แม้แต่หางตากิเลสยังไม่ชายมาไปมองเลย ไม่มีคุณค่าเพียงพอที่จะให้กิเลสเหลียวแลเสียด้วยซ้ำไป..!
ไม่รู้จะยกตัวอย่างใครให้ชัดเจนเท่ากับตัวเอง กระผม/อาตมภาพตั้งใจบวชแค่ ๗ วัน แต่ว่าเงินเก็บทั้งหมดแบ่งให้น้องสองคนเอาไว้เป็นทุนการศึกษา ข้าวของเครื่องใช้ยกให้พี่ชายไปเลย ถ้าสึกออกไปแปลว่าต้องเริ่มต้นจากศูนย์ แล้วกำลังใจแบบนี้ท่านทั้งหลายกล้าทำหรือไม่ ? ดังนั้น..หลายต่อหลายเรื่องบางทีกระผม/อาตมภาพอยากจะบอกอยากจะกล่าวให้พวกเราทำ แต่พิจารณาแล้วว่าคงจะไม่ไหว เพราะว่ากำลังใจแต่ละคนพร้อมที่จะ "ถอนสมอ" อยู่ตลอดเวลา แม้แต่ความกล้าที่จะสู้กับกิเลสยังไม่มีเลย..!
การบวชนั้นไม่มีคำว่าตรงกลาง ถ้าขึ้นสุดไม่ได้ก็ต้องลงสุดไปเลย..! ถ้าเราวางกำลังใจแบบนี้ได้ถึงจะพอสู้กับกิเลสได้ หลายต่อหลายท่านที่บวชเข้ามาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะสู้กับกิเลส แต่ว่ามีเหตุผลต่าง ๆ กันไป ประเภทครอบครัวไม่เอาแล้วบ้าง ต้องคดีจนต้องมาชุบตัวใหม่บ้าง สารพัดสารเพเหตุผล แต่ท่านต้องไม่ลืมว่าความเป็นพระคืออุดมเพศ เป็นเพศที่ชาวบ้านเขาเคารพ เป็นเพศที่เรากินเราใช้โดยการอนุเคราะห์สงเคราะห์ของชาวบ้านเขา แล้วเราทำตนอะไรที่สมควรกับการอนุเคราะห์สงเคราะห์ของญาติโยมเขาบ้าง ?
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2024 เมื่อ 02:52
|