อย่างเช่นกล่าวว่าหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงสอนอย่างนี้ หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาดสอนอย่างนี้ เป็นต้น ไม่ใช่ว่าทั้งสององค์ท่านสอนไม่ดี สอนไม่ถูก แต่กลายเป็นว่าในสิ่งที่ท่านสอนดีสอนถูกนั่นแหละ ถ้าลูกศิษย์ทำไม่ถึงแล้วนำไปอธิบายต่อแบบผิด ๆ ถ้าเนิ่นนานไปก็อาจจะเป็นอาจริยวาท ก็คือยึดถือคำหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพงเป็นหลัก ยึดถือคำหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาดเป็นหลัก แต่เป็นการยึดที่ผิดไปจากการสอนที่แท้จริงของทั้งสองท่าน เป็นการยึดเพราะว่าบรรดาลูกศิษย์ที่ทำไม่ถึงที่สุดแบบครูบาอาจารย์ ไปตีความผิดเพี้ยนกันไปเอง 
 
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา ดังเช่นเมื่อเช้า ถ้าหากว่าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพก่อนที่จะแสดงพระธรรมเทศนาได้มีการบอกศักราชเสียก่อน ซึ่งเป็นการบอกศักราชแค่ครึ่งเดียวอีกด้วย  
 
ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาจะบอกอย่างชัดเจนว่า ปัจจุบันนี้เป็นวันใด เดือนใด ปีใด พระพุทธศาสนาของเรามีอายุกาลล่วงไปแล้วนานเท่าไร ยังเหลืออายุพระพุทธศาสนาอยู่เท่าใด เพื่อเป็นการเตือนสติ ไม่ให้ญาติโยมทั้งหลายประมาท เพราะว่าเวลาลดน้อยถอยลงไปทุกวัน ถ้าเรายังไม่เร่งการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา จนเกิดประโยชน์แก่ตนอย่างแท้จริงแล้ว เราอาจจะตายเปล่าไปอีกชาติหนึ่ง อยู่ในลักษณะของการ "เสียชาติเกิด" แล้วการตายของเราก็อาจจะอยู่ในลักษณะว่าตกสู่อบายภูมิ ต้องเวียนว่ายอยู่ในกองทุกข์นับกัปกัลป์อนันตชาติ 
 
ดังนั้น..เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมและน้อมนำไปปฏิบัติ ก็ต้องเร่งรัดเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ประมาทมัวเมาว่าเราอายุยังน้อย เรายังแข็งแรง เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ปุบปับเป็นอะไรขึ้นมา เราจะคว้าหลักธรรมอะไรไม่ติดเลย 
 
เนื่องเพราะว่าจิตนั้นมีสภาพจำ เราต้องป้อนข้อมูลดี ๆ เข้าไปทุกวัน จิตถึงจะยึดจะเกาะ ไม่ใช่ไม่เคยมีอะไรให้จิตได้กระทำจนเคยชิน ถึงเวลาแล้วจิตจะไปยึดไปเกาะในสิ่งที่ดีเองนั้น เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง 
 
สภาพจิตของเรานั้นมีการไหลลงต่ำเป็นปกติ ก็แปลว่าเราจะไปยึดเกาะในสิ่งที่ผิดศีลผิดธรรม ละเมิดศีลละเมิดธรรมเสียมากกว่า แล้วก็จะพาให้ตัวเราเดือดร้อน เพราะว่าในเมื่อจิตจดจำในสิ่งที่ไม่ดี เราก็ต้องไปสู่ทุคติ วินิบาต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็คือนรกนั่นเอง..! 
 
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ 
 
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน 
วันเสาร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ 
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
		 
		
		
		
		
		
		
			
				__________________ 
				........................ 
 
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง 
 จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
			 
		
		
		
		
		
			
				  
				
					
						แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2024 เมื่อ 03:06
					
					
				
			
		
		
		
	
	 |