คนไข้กับหมอ ดั่ง "พ่อแม่ลูก"
โรงพยาบาลที่ท่านเมตตานำพวกอาหารไปสงเคราะห์ในแต่ละวัน ๆ นั้น โดยมากแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในที่นั้น ๆ จะเคารพท่าน ถือองค์ท่านเป็นเสมือนพ่อแม่ เวลานำข้าวของไปแจกแต่ละครั้ง ๆ หลังจากที่ได้ซักถามว่ามีสิ่งใดขาดหรือไม่แล้ว ในระยะหลังหลายครั้ง องค์ท่านจะถือโอกาสสอนเตือนแก่แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ เนื่องจากองค์ท่านก็ถือเป็นเหมือนลูกเหมือนหลานขององค์ท่านเองเช่นกัน ดังตัวอย่างในคราวหนึ่งที่องค์ท่านนำมาเล่าแบบขำขันให้ฟัง ดังนี้
"คนไข้เข้ามา เขาฝากเป็นฝากตาย ฝากทุกสิ่งทุกอย่าง ครอบครัวเหย้าเรือนเขาฝากมา หาหมอ หายา หาพยาบาลหมด..จะว่าไง ? เขามาหาแล้วหน้าบึ้งใส่เขา..มีอย่างหรือ ? แบบนี้ก็มีแต่แบบหน้าหมาไม่ใช่หน้าคน..! เราว่างั้น..ก็บอกชัด ๆ อย่างนี้แล้ว เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ เขาหัวเราะ อย่าเห็นว่าเราเป็นถึงหมอ คนไข้เป็นทุคตะเข็ญใจ หรือเป็นหมาตัวหนึ่งเข้ามานี้ ต้อม ๆ เข้ามาในโรงพยาบาล ไม่เป็นเช่นนั้นนะ
คนไข้มาแต่ละคน ๆ พระเจ้าแผ่นดินแห่มานะ พระเจ้าแผ่นดินไม่แห่มายังไง ? ก็เงินเต็มกระเป๋า ตราพระเจ้าแผ่นดินตีตรามา..เห็นไหมล่ะ ? คนไข้เขามีคุณค่าต่อหมอขนาดไหน..เราต้องคิดบ้างซิ..คนไข้คนหนึ่งกับหมอเป็น "อัญญมัญญัง" อาศัยซึ่งกันและกัน ถ้าไม่มีคนไข้..หมอก็หมดความหมาย โรงพยาบาลก็ล้มหมด ที่ตั้งกันอยู่ อาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ พอเป็นไปได้ทั้งฝ่ายหมอและฝ่ายคนไข้
ก็เพราะต่างคนต่าง "อัญญมัญญัง" ซึ่งกันและกัน อย่าเห็นว่าทางไหนสูงกว่ากัน ถ้า "อัญญมัญญัง" แล้ว อยู่ด้วยกันได้ เพราะเรื่องคนไข้กับหมอแยกกันไม่ออก เหมือนพ่อแม่กับลูก เราจะว่าเป็นเทวดากับหมาได้ยังไง ? เราก็บอกถึงว่า..เงินในกระเป๋าเขามาแต่ละคน พระเจ้าแผ่นดินแห่มานะ..ว่างั้น คนหนึ่งกระเป๋าเป้ง ๆ มา เขาให้ด้วยน้ำใจ..มีเยอะนะ เขาให้ค่าหยูกค่ายาเป็นธรรมดา เขาให้ด้วยน้ำใจของหมอ น้ำใจของพยาบาล ที่มีคุณแก่คนไข้ของเขา แล้วเขาก็ตั้งใจให้ด้วยน้ำใจ..มากกว่านั้นอีกนะ มีเยอะนะ.."
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2024 เมื่อ 02:49
|