ข้อต่อไปก็คือ ได้รับการบอกบุญเรี่ยไรบ่อยมาก จนกระทั่งรู้สึกรำคาญ ไม่อยากจะทำบุญ ความรู้สึกแบบนี้บาปไหมครับ ?
เราต้องมาแยกแยะว่า ในเรื่องของบุญเรื่องของบาปนั้นเป็นอย่างไร ? เรื่องของบาปคือการที่เรากระทำความชั่ว ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ดังนั้น..การที่เราทำดี ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็ย่อมเป็นบุญเช่นกัน เพราะว่าตรงกันข้าม
คราวนี้การที่ท่านทั้งหลายรำคาญ ไม่อยากจะทำบุญนั้นยังไม่ถือว่าเป็นบาป แต่ขณะเดียวกันท่านก็ขาดโอกาสในการที่จะได้บุญ กระผม/อาตมภาพก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน พอถึงเวลามีคนมาบอกบุญเรี่ยไร ก็จะเกิดความคิดว่า "เอ๊ะ..เขามาหากินหรือเปล่า ?" แล้วในขณะเดียวกันก็คิดว่า "เราทำบุญไปแล้ว เราจะได้บุญเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ ?" เพราะว่าเคยเจอผู้ที่ทำหน้าที่สะพานบุญมารับบริจาค แล้วก็มีการเลี้ยงเหล้าเมายากัน โดยที่เอาเงินที่ได้รับบริจาคส่วนหนึ่งนั่นแหละ ไปจ่ายในเรื่องของค่าสุราอาหารเหล่านั้น..!
แต่พอปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ แล้ว ก็เข้าใจในวัตถุประสงค์ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พวกเราให้ทาน ก็เพื่อตัดความโลภในจิตในใจของเราลงไป ถ้าหากว่าเราตัดความโลภของเราลงไปได้มากเท่าไร กิเลสก็เบาบางลงไปเท่านั้น การที่เรารักษาศีลก็เพื่อระงับความโกรธ เรารักษาศีลได้บริสุทธิ์บริบูรณ์เท่าไร เราก็สามารถที่จะระงับความโกรธได้มากเท่านั้น ส่วนการใช้ปัญญามองทุกอย่างให้รู้แจ้งเห็นจริงนั้นเป็นการตัดความหลง
ในเมื่อท่านรำคาญในการทำบุญนั้น โอกาสที่ท่านจะตัดความโลภก็ไม่มี แล้วความรำคาญยังเป็นพื้นฐานส่วนหนึ่งของโทสะ ก็คือกระทบแล้วไม่พอใจ ถ้าเป็นภาษาบาลีเขาเรียกว่าปฏิฆะ กระทบแล้วเกิดความรู้สึก ยินดีก็เป็นในด้านของราคะ ยินร้ายคือไม่พอใจ ก็เป็นในด้านของโทสะ เราขาดทุนทั้งขึ้นทั้งล่อง แปลว่านอกจากไม่ได้เสียสละออกเป็นการตัดความโลภแล้ว เรายังกำลังสร้างเสริมกิเลสขึ้นมาอีกด้วย..!
ดังนั้น..ถ้าหากว่ารำคาญทนไม่ไหว ก็หลบให้พ้นจากตรงนั้นไปก่อน หรือไม่ถ้ากำลังใจของท่านอยู่ในลักษณะที่ว่า เมื่อเขามาบอกบุญเราก็ทำ มากน้อยก็ตามแต่ศรัทธาของเรา ถ้าลักษณะอย่างนั้นแปลว่าท่านเริ่มวางอุเบกขาในทานได้แล้ว ทานของท่านจะบริสุทธิ์บริบูรณ์มากขึ้นไปตามลำดับ เพราะว่าเราสามารถที่จะทำโดยที่ไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ สามารถสละออกได้โดยที่เยื่อใยต่าง ๆ มีน้อย หรือไม่มีเลย ส่วนนี้จะมีประโยชน์แก่ท่านมากกว่า
ดังนั้น..ถ้าถามว่าบาปไหม ? ก็ยังไม่ใช่บาป แต่ว่ากำลังจะก่อบาปให้เกิดขึ้น ถ้าเราไม่พอใจมากไปกว่านี้..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2024 เมื่อ 02:45
|