ข้อต่อไปก็คือมีอาจารย์แม่และลูกศิษย์ผู้แสดงตนเป็นชาวพุทธที่เคร่งครัด กล่าวถึงโลกหลังความตายว่าไม่มี เพราะว่าถ้ามีแล้ว คนที่ตายไปแล้วย่อมต้องมาบอกกันบ้าง ?
เรื่องนี้อยากให้ญาติโยมทั้งหลายเปิดดูในปายาสิราชัญญสูตร ในพระสุตตันตปิฎก ปัญหานี้พระเจ้าปายาสิได้ถามพระกุมารกัสสปเอาไว้แล้ว
พระกุมารกัสสปท่านเปรียบเทียบเอาไว้ชัดเจนละเอียดละออมากว่า บุคคลที่ตายไปแล้วนั้น ถ้าหากว่าไปรับทุกข์รับโทษอยู่ในทุคติ ก็เหมือนกับคนติดคุก ยังไม่ทันที่จะพ้นโทษเราเองก็ตายไปหลายรอบแล้ว เขาย่อมไม่สามารถที่จะมาบอกมากล่าวกับเราได้
ส่วนบุคคลที่ไปสุคติ ก็มัวแต่เพลิดเพลินกับความสุข กับทิพย์สมบัติของตน แล้วขณะเดียวกัน โลกมนุษย์ของเราเป็นของหยาบ เป็นของต่ำ เป็นของสกปรกโสโครกในสายตาของเขาทั้งหลายเหล่านั้น เปรียบเหมือนอย่างกับหล่มอุจจาระ จึงไม่มีใครที่อยากจะลงมาเพื่อที่มีปฏิสัมพันธ์กัน ดังนั้น..ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ท่านลองไปอ่านดูก็จะได้รับคำตอบเอง
อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า เราต้องเชื่อในการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่เราจะมั่นคง เชื่อในการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เราก็จะต้องมีการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ที่ถึงในระดับหนึ่ง ทำให้เราเกิดศรัทธาปสาทะ ความเชื่อความเลื่อมใสอย่างแท้จริง เพราะว่าเห็นผลในการปฏิบัติแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2024 เมื่อ 02:42
|