ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรทุกรูปและญาติโยมที่เข้ามาฟังรายการว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นสอนให้เราเชื่อกรรม เชื่อการส่งผลของกรรม เชื่อว่าทุกคนมีกรรมเป็นของตน และท้ายที่สุด เชื่อในการตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเชื่อทั้งหลายเหล่านี้จะมั่นคงได้ ก็ต่อเมื่อท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ไปจนถึงระดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็ยังมีโอกาสที่จะเอนเอียง แล้วก็หลงผิดหลงทางไปได้
ในขณะเดียวกัน หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บาลีกล่าวไว้ว่า เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง ก็คือ บริสุทธิ์บริบูรณ์ สมบูรณ์อย่างยิ่งแล้ว ต่อเข้าไปก็เกิน ตัดออกก็ขาด เรามีหน้าที่อย่างเดียวก็คือปฏิบัติตาม ไม่ใช่ไปตีความ
ถ้าหากว่าเป็นการตีความนั้น เหมือนอย่างกับการที่เรายกเอาทฤษฎีที่เราคิดว่าใช่ ขึ้นมาแย้งกับทฤษฎีเดิม ๆ ที่มีผู้ตั้งเอาไว้ ถ้าหากว่าเหตุผลของท่านดีกว่า ก็สามารถปัดทฤษฎีอื่นตกไปได้ แล้วผู้คนก็จะมายึดทฤษฎีของเราต่อ จนกว่าจะมีผู้อื่นมาหักล้างได้อีก
แต่หลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นไม่ใช่ทฤษฎี หลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นเป็นอริยสัจ คือความจริงแท้ที่ไม่มีอะไรสามารถหักล้างได้
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เราก็จะเห็นว่าไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนจริง ๆ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด
สัพเพ สังขารา ทุกขา สังขารทั้งหลายประกอบไปด้วยความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นนิพัทธทุกข์ ทุกข์เนืองนิตย์ สภาวทุกข์ ทุกข์ตามสภาพอะไรก็ตาม เราไม่สามารถที่จะถกเถียงได้ว่าสังขารนี้ไม่ทุกข์
และท้ายที่สุด สัพเพ ธัมมา อนัตตา ธรรมทั้งหลายไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขาให้ยึดมั่นถือมั่นได้ ก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ ไม่สามารถที่จะยกอย่างอื่นมาหักล้างได้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามอย่างเดียว อย่าไปตีความ ถ้าหากว่าไปตีความเมื่อไรก็ผิดเมื่อนั้น ปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาในการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าเราตั้งหน้าตั้งตาทำไปจริง ๆ จะได้รับคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าต้องพากเพียรกันอย่างหนัก ชนิดที่หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าท่านใช้คำว่า "เอาชีวิตเข้าแลก" โดยกล่าวว่า "ธรรมะอยู่ฟากตาย"
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าเราตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป เราจะได้คำตอบ ถ้าเราไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติก็จะสงสัย แล้วท้ายที่สุดก็จะ "ถือมงคลตื่นข่าว" ใครว่าอะไรเราก็จะเฮตามเขาไป กลายเป็น "ไม้หลักปักเลน" ไม่มีอะไรเหลือเอาไว้ให้เรายึดมั่นได้เลย ในเมื่อเป็นผู้ที่ไม่มีหลัก เราเองก็จะไหลตามกระแสไปได้ง่าย บุคคลที่ไหลตามกระแสนั้นเป็นผู้ที่น่าสงสารมาก ไม่มีอะไรให้ยึด ไม่มีอะไรให้เกาะ อาจจะจมจ่อมอยู่ในกระแสนั้นจนนับกัปกัลป์อนันตชาติอีกด้วย..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2024 เมื่อ 01:42
|