ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 17-07-2024, 00:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องฉันข้าวเปลือกที่เขาเอาไว้เลี้ยงม้า พ่อค้าเขาถวายมาแล้วพระอานนท์ต้องไปตำ แล้วนำมาหุงถวาย พูดง่าย ๆ ก็คือกินข้าวกล้อง แต่ว่าพระกลุ่มนั้นท่านอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสตำหนิว่าทำในลักษณะนั้นเหมือนกับไปปล้นเขากิน แล้วถึงได้บัญญัติศีลขึ้นมาว่าห้ามภิกษุอวดอุตริมนุสธรรม

คราวนี้ถ้าหากว่ามีแล้วไปอวดก็อยู่ ๒ สถาน ก็คือท่านทำได้จริง ๆ อย่างหลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง ซึ่งท่านอาจารย์พันเอกปิ่น มุทุกันต์ อธิบดีกรมศาสนาสมัยนั้น ได้รับคำสั่งให้ไปสืบสวนว่าท่านอวดอุตริมนุสธรรม ท่านอาจารย์ปิ่นไปนอนอยู่ที่วัดดงตาก้อนทองเป็นอาทิตย์ ๆ แล้วส่งรายการกลับมาว่า
"หลวงพ่อยีไม่ได้อวดอุตริมนุสธรรม เพราะว่าท่านทำได้จริง ๆ..!"

แต่คราวนี้ถ้าหากว่าจะปรับกันหนักที่สุดก็คือปรับว่าไม่เอื้อเฟื้อพระวินัย ก็ต้องอาบัติปาจิตตีย์ หรือถ้าปรับเบากว่านั้นก็คืออาบัติทุกกฎ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาแต่ไปปรับอาบัติปาราชิก กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ท่านที่ตั้งใจจะปรับอาบัติปาราชิกเจ้าคุณหลวงปู่ศิลา ทำตัวเหมือนกับสำนวนนิยายกำลังภายในที่ว่า "สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป นรกไร้ประตูกลับตะกายมา"

เรื่องต่อไปก็คือวันนี้มีข่าวเกี่ยวกับลัทธิหนึ่งคือลัทธิอนุตตรธรรม ที่มีการนำนักเรียนไปกินเจ ไปกราบไปไหว้ขอพร ตลอดจนกระทั่งทำพาสปอร์ตไปสวรรค์..! ถ้าใครสิ้นสติก็เชื่อไปตามนั้น
การที่เราจะไปสวรรค์หรือนรก ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา และจิตสุดท้ายของเราว่าเรายึดการทำดีหรือทำชั่ว ไม่ต้องมีพาสปอร์ต เขาให้ไปฟรี..!

การไปก็มีอยู่ ๒ ลักษณะ ลักษณะแรกก็คือดีสุด ชั่วสุด ถ้าหากว่าดีจริงก็ขึ้นสวรรค์ไปเลย ถ้าชั่วมากก็ลงนรกไปเลย แต่ถ้ากึ่งดีกึ่งชั่ว ก้ำกึ่ง ชั่งน้ำหนักลำบาก ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะมีเทวทูตไปรับ บางรายก็เรียกว่ายมทูต เมื่อรับแล้วก็พาไปที่ตำหนักพระยายมเพื่อรอการตัดสิน

คราวนี้การตัดสินนั้น พระยายมราชด้วยความที่ท่านมีเมตตาสูง ก็จะพยายามซักถามทุกอย่างว่า "เคยทำความดีความงามอะไรมาบ้าง ?" ต่อให้เล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ถ้านึกได้พระยายมท่านก็จะให้ไปรับผลความดีก่อน หลังจากที่หมดบุญจากความดีแล้ว ก็ค่อยมาชดใช้ในนรกต่อไป

ดังนั้น..ถ้าหากว่าใครดวงดีมาก ก็คือมียมทูตหรือเทวทูตนั้นมารับ โอกาสรอดมีเกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ยกเว้นพวกที่สร้างกรรมหนักแล้วไม่สามารถจะนึกถึงคุณงามความดีได้ ถามอะไรก็ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น ไม่สามารถที่จะนึกได้ว่าทำดีอะไรไว้หรือเปล่า ? ถ้าอย่างนั้นพระยายมท่านก็ต้องวางอุเบกขา ให้นายนิรยบาลเอาไปจัดการตามโทษานุโทษของตน

เพราะฉะนั้น..
การที่ไปทำพาสปอร์ตไปสวรรค์ เพื่อที่ถึงเวลาถ้าลงนรกจะได้เอาไปยืนยันกับพระยายมราช เป็นแค่ลีลาหาเงินของเขาเท่านั้น ถ้าใครคิดว่าทำแล้วได้เงินจะเลียนแบบดูก็ได้ แต่กระผม/อาตมภาพยืนยันว่า ถ้าทำชั่วแบบนั้นก็อาจจะลงตรง ๆ ไม่ต้องใช้พาสปอร์ตเลยก็ได้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2024 เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา