ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 17-07-2024, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,546 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีหลายเรื่องหลายราวที่กระผม/อาตมภาพอยากจะพูดถึง

อันดับแรกเลยก็คือ ท่านที่ไปอบรมเป็นพระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด (อสว.) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพระคิลานุปัฏฐาก แม้ว่าเราจะผ่านการอบรมมาแล้ว แต่ว่าส่วนที่ต้องระวังที่สุดก็คือเรื่องของพระธรรมวินัย มีตัวอย่างที่พระภิกษุรูปหนึ่งเห็นผู้หญิงโดนรถชนล้มอยู่แล้วก็เข้าไปช่วย เมื่อมีผู้สงสัยว่า "ท่านเป็นพระแล้วไปช่วยเหลือผู้หญิงแบบนั้น จะไม่ผิดพระวินัยหรือ ?" แล้วท่านตอบว่าไม่ผิด เพราะว่าท่านผ่านการอบรมพระคิลานุปัฏฐากมาแล้ว..!

คำตอบนั้นต้องบอกว่าเป็นการเข้าใจผิด เนื่องเพราะว่าต่อให้ท่านเป็นแพทย์มาโดยตรงก็ไม่ได้ เพราะว่าผู้หญิงเป็นวัตถุอนามาส ถ้าหากว่าพระจับต้องโดยมีจิตกำหนัดจะต้องอาบัติสังฆาทิเสส ถ้าจับต้องโดยไม่มีจิตกำหนัด ก็ยังคงโดนอาบัติอยู่ดี แล้วท่านกำหนดไว้ว่าตั้งแต่เด็กผู้หญิงแรกเกิดในวันนั้น เพราะฉะนั้น..
อย่าได้เข้าใจผิดว่าเราผ่านการอบรมแล้ว สามารถที่จะทำอะไรล่วงละเมิดพระวินัยได้..!

อีกส่วนหนึ่งก็คือการที่เราเป็นผู้พยาบาลภิกษุไข้ ภิกษุผู้ป่วยไข้สามารถฉันอาหารหลังเพลไปแล้วได้ แม้แต่ภิกษุผู้ดูแลภิกษุไข้ก็ได้รับอนุญาตให้ฉันไปด้วย แต่ถ้าเราสามารถละเว้นได้จะเป็นการดีมาก ก็คือเว้นให้เฉพาะภิกษุไข้เท่านั้น ที่ท่านต้องการอาหารเพื่อฟื้นร่างกายตนเอง

แต่ถ้าอย่างที่กระผม/อาตมภาพไปอยู่ที่โรงพยาบาลมา ออกชื่อตรง ๆ ก็แล้วกันว่าโรงพยาบาลสงฆ์ โดยปกติแล้วทางโรงพยาบาลจะมีอาหารเช้า อาหารเพล มีน้ำปานะให้ตอนบ่าย ๒ โมง แล้วก็มีอาหารเย็นให้ตอน ๕ โมงเย็น แต่ที่กระผม/อาตมภาพเห็นก็คือ ท่านฉันเช้า ฉันสาย ฉันเพล ฉันบ่าย ฉันเย็น ฉันดึก แล้วพอเห็นกระผม/อาตมภาพฉันมื้อเดียวก็ยังมาเซ้าซี้ถามว่า "พระหนุ่ม ๆ ฉันแค่มื้อเดียวอยู่ได้อย่างไร ?"

ถ้าลักษณะอย่างนั้นต้องอาบัติตรง ๆ เลย เพราะว่าตั้งใจละเมิดศีล เนื่องเพราะว่าไม่ได้ฉันเพื่อให้ร่างกายอยู่ได้ แต่ว่าฉันสนองกิเลสตัวเอง แล้วท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็สร้างความปวดหัวให้กับหมอและพยาบาลเป็นอย่างมาก เนื่องเพราะว่าต่อให้หายแล้วก็ไม่ยอมกลับวัด เพราะว่าสามารถที่จะฉันเวลาไหนก็ได้ หมอและพยาบาลท่านไม่ได้มีความเคร่งครัดในพระวินัย ท่านก็ไม่ห้ามให้ทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2024 เมื่อ 00:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา